แชร์เรื่องนี้
กับดักความคิด “แค่สร้างของดีๆ เดี๋ยวคนก็มาเอง” — ทำไม Passion อย่างเดียวถึงสร้างโปรดักต์ที่ทำเงินไม่ได้
โดย Seven Peaks เมื่อ 28 ส.ค. 2025, 14:23:05
"ถ้าคุณสร้างมัน พวกเขาจะมาเอง" ประโยคสุดคลาสสิกจากหนังเรื่อง Field of Dreams ฟังแล้วโคตรเท่เลยใช่ไหม? มันทำให้เรารู้สึกว่าแค่มีแพสชัน หรือไอเดียที่เจ๋งเป้ง ก็เพียงพอที่จะทำให้โปรดักต์ของเราประสบความสำเร็จได้แล้ว เพราะแค่เราสร้างมันขึ้นมา เดี๋ยวลูกค้าก็จะแห่กันมาแบบมืดฟ้ามัวดินเอง
ในหนังมันก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่ในโลกความจริงของการทำธุรกิจ บอกเลยว่าความคิดแบบนี้อันตรายสุดๆ และเป็นหนทางไปสู่การเสียเงิน เสียเวลา และเสียใจโดยใช่เหตุ สำหรับการทำดิจิทัลโปรดักต์ ของใช้ หรือแม้แต่บริการใหม่ๆ การเชื่อมั่นในประโยคนี้แบบหลับหูหลับตาอาจทำให้คุณเจ๊งไม่เป็นท่าได้เลย
โลกความจริง ไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนทุ่งข้าวโพดในหนัง
ในหนัง ตัวละครสร้างสนามเบสบอลกลางทุ่งข้าวโพดโล่งๆ ที่ไม่มีใครแย่งซีน แต่ตลาดทุกวันนี้ตรงกันข้ามกับที่เราเคยเจอมาก่อน มันคือสมรภูมิที่โคตรจะแออัดและมีคู่แข่งเต็มไปหมด ไม่ว่าคุณจะคิดทำโปรดักต์หรือบริการอะไรออกมา ก็มีคู่แข่งรออยู่แล้วเป็นสิบๆ หรือเป็นร้อยๆ เจ้าที่กำลังแย่งชิงความสนใจและเงินจากลูกค้ากลุ่มเดียวกัน
กับการที่คุณแค่สร้างของขึ้นมาเฉยๆ ต่อให้มันจะดีงามแค่ไหน แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าคนจะมองเห็น ถ้าไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการสร้างความแตกต่าง การตลาด หรือช่องทางโปรโมต
โปรดักต์ที่คุณปั้นมากับมือก็อาจจะกลายเป็นของไร้ตัวตนในทะเลแห่งตัวเลือกที่ไม่มีใครสนใจ
คิดดีๆ ว่าคุณกำลังแก้ปัญหา หรือแค่สร้างของที่อยากทำ
ความคิดแบบว่าทำไปก่อนเดี๋ยวคนก็มาเอง มักจะทำให้เราเริ่มจากโซลูชันก่อน คือเรามีไอเดียสุดบรรเจิดสำหรับฟีเจอร์แอปฯ หรือบริการใหม่ๆ แล้วค่อยไปหาว่ามันจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือการคิดกลับด้าน
โปรดักต์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เริ่มจากการมองเห็นปัญหาก่อนเสมอ พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึง Pain Point หรือความต้องการที่ยังไม่มีใครตอบสนองของลูกค้า ลูกค้าไม่ได้ซื้อโปรดักต์เพราะมันถูกสร้างมาอย่างสวยงาม แต่เขาซื้อทางออกให้กับปัญหาที่พวกเขากำลังเจออยู่ต่างหาก ถ้าสิ่งที่คุณสร้างไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เขารู้สึกจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกค้าจะต้องมาหาคุณ
ของดีที่คนชอบ ไม่ได้แปลว่าจะทำเงินได้เสมอไป
มุมที่น่ากลัวที่สุดของกับดักความคิดนี้คือการมองข้ามพื้นฐานของธุรกิจไปเลย โปรดักต์ของคุณอาจจะดีจริง ได้รับรีวิวถล่มทลายจากผู้ใช้กลุ่มแรกๆ หรือแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่มได้แบบสุดยอด แต่ความรักนั้น...มันเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้รึเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่คิดต่อให้ดี
-
ตลาดใหญ่พอไหม?: กลุ่มคนที่รักโปรดักต์ของคุณมีมากพอที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทอยู่รอดได้หรือเปล่า
-
ต้นทุนในการหาลูกค้า: ค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่แต่ละคนมันคุ้มค่าไหม
-
โมเดลทำเงิน: มีวิธีสร้างรายได้ที่ชัดเจนและได้ผลจริงไหม (อย่าลืมว่าของฟรีก็มีต้นทุนในการสร้างและดูแล)
-
ขยายได้แค่ไหน (Scalability): โปรดักต์สามารถรองรับการเติบโต โดยที่ต้นทุนไม่พุ่งกระฉูดตามไปด้วยได้ไหม
-
คู่แข่ง: มีเจ้าตลาดที่ทำของคล้ายๆ กันในราคาที่ถูกกว่า หรือมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้วหรือเปล่า
มีโปรดักต์มากมายที่ใครๆ ก็รักแต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวไป เพราะตอบคำถามที่สำคัญเหล่านี้ไม่ได้ โปรดักต์ดีๆ ที่ไม่มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับงานอดิเรกราคาแพงนั่นเอง
การตลาดและการจัดจำหน่าย 2 เสาหลักที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด
ความเชื่อที่ว่าเดี๋ยวคนก็มาเอง ไม่ได้ให้ค่ากับการทำการตลาดเลย การสร้างโปรดักต์เป็นแค่ก้าวแรก แต่ก้าวต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันคือ
- สร้างการรับรู้ (Awareness): ทำยังไงให้กลุ่มเป้าหมาย รู้ว่าโปรดักต์ของคุณมีตัวตนอยู่บนโลก
- สร้างการพิจารณา (Consideration): จะเสนอจุดเด่นอะไรให้พวกเขาสนใจอยากรู้เพิ่มเติม
- เปลี่ยนเป็นลูกค้า (Acquisition): จะเปลี่ยนความสนใจให้กลายมาเป็นผู้ใช้งานจริงได้ยังไง
-
รักษาลูกค้า (Retention): ทำยังไงให้พวกเขายังอยู่กับเราและกลับมาใช้ซ้ำ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องของการตลาด การขาย และการจัดจำหน่าย ซึ่งต้องใช้ทั้งกลยุทธ์ ความพยายาม และเงินลงทุน ต่อให้โปรดักต์ของคุณจะปฏิวัติวงการได้แค่ไหน แต่ถ้าทำการตลาดไม่เป็น มันก็จะนอนเหงาๆ อยู่ในมุมมืดนั่นแหละ
ค้นหาและทดสอบไอเดีย (Product Discovery) ก่อนลงมือจริงคือทางเลือกที่ดีกว่า
แทนที่จะใช้ความเชื่อแบบลมๆ แล้งๆ การพัฒนาโปรดักต์ที่ประสบความสำเร็จจะอาศัยกระบวนการที่เรียกว่า Product Discovery ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบด้วยการทดสอบสมมติฐานสำคัญๆ ก่อนที่จะทุ่มเงินและเวลาลงไปเต็มตัว ซึ่งประกอบไปด้วย
- ทดสอบปัญหา (Problem Validation): ทำความเข้าใจ Pain Point ของผู้ใช้ให้ลึกซึ้งที่สุด
- ทดสอบตลาด (Market Validation): ประเมินขนาดและความเป็นไปได้ของตลาดเป้าหมาย
- ทดสอบโซลูชัน (Solution Validation): นำไอเดียไปทดสอบกับผู้ใช้จริงผ่านต้นแบบง่ายๆ
- ทดสอบโมเดลธุรกิจ (Business Model Validation): ตรวจสอบแผนการทำเงิน โครงสร้างต้นทุน และความเป็นไปได้ในการทำกำไรอย่างเข้มข้น
วิธีนี้จะเน้นการเรียนรู้มากกว่าการลงมือสร้าง และสนับสนุนให้เรารีบตัดไอเดียที่ไม่เวิร์คทิ้งไปแต่เนิ่นๆ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลามหาศาล
สรุปง่ายๆ ก็คือ ความคิดที่ว่า "แค่สร้างของดีๆ เดี๋ยวคนก็มาเอง" มันเอาท์ไปแล้ว ความสำเร็จในยุคนี้ไม่ได้มาจากการสร้างแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่มาจากการค้นหาอย่างมีกลยุทธ์ การทดสอบอย่างรอบคอบ และความเข้าใจที่ชัดเจนว่าโปรดักต์ที่ดีต้องตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานและผลกำไรของธุรกิจ
แชร์เรื่องนี้
- FinTech (11)
- การพัฒนาซอฟต์แวร์ (10)
- Expert Spotlight (9)
- อาชีพการงาน (8)
- Banking (5)
- Cloud (5)
- Cross-Platform Application (5)
- InsurTech (5)
- Mixpanel (5)
- UX/UI (5)
- AI (4)
- Agile (4)
- Digital Transformation (4)
- JavaScript (4)
- QA (4)
- Trend (4)
- การพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS (4)
- Android Developer (3)
- Azure (3)
- CSR (3)
- Hybrid App (3)
- IoT (3)
- Product-Centric Mindset (3)
- Seven Peaks Insights (3)
- Thought Leadership (3)
- การพัฒนาแอปฯ Android (3)
- บริษัท (3)
- เทคโนโลยีการเงินและการธนาคาร (3)
- .NET (2)
- Data (2)
- Data and Analytics (2)
- Digital Product (2)
- Digital Product Development (2)
- Kotlin (2)
- Native App (2)
- Product Growth (2)
- ReactJS (2)
- SEO (2)
- digital marketing (2)
- การพัฒนาแอปฯ (2)
- งาน Product Owner (2)
- ฟินเทค (2)
- 2FA (1)
- 5g (1)
- Android (1)
- AndroidX Biometric (1)
- Azure OpenAI Service (1)
- Biometrics (1)
- CI/CD (1)
- Customer Data Platform (1)
- Design Thinking (1)
- DevOps (1)
- Digital Healthcare (1)
- Digital ID (1)
- Digital Landscape (1)
- E-payment (1)
- E-wallet (1)
- Financial Inclusion (1)
- GraphQL (1)
- IT Outsourcing (1)
- LLM (1)
- MFA (1)
- MVP (1)
- MVVM (1)
- Metaverse (1)
- Morphosis (1)
- Node.js (1)
- Partner (1)
- Platform Engineering (1)
- Recruitment (1)
- SCB (1)
- Scrum Master (1)
- Search Engine (1)
- Software Engineer (1)
- Software Tester (1)
- Stripe (1)
- Swift (1)
- SwiftUI (1)
- Tech Meetup (1)
- Turnkey (1)
- UI (1)
- UX writing (1)
- Web-Debugging Tool (1)
- customer centric (1)
- iOS17 (1)
- waterfall (1)
- web application (1)
- การจ้างงาน (1)
- การพัฒนาด้วย RabbitMQ (1)
- การพัฒนาระบบคลาวด์ (1)
- การออกแบบ Decorator Pattern (1)
- การใช้งาน C# (1)
- งาน Product Manager (1)
- งาน platform enginerring (1)
- ทำ Context API (1)
- ระบบการชำระเงิน (1)
- สร้าง brand loyalty (1)
- อีคอมเมิร์ซ (1)
- เขียนโค้ด React (1)
- เทคโนโลยี React (1)
- เพิ่ม conversion (1)
- เฟรมเวิร์ก (1)
- แดชบอร์ด (1)
- สิงหาคม 2025 (1)
- กรกฎาคม 2025 (1)
- มีนาคม 2025 (2)
- กุมภาพันธ์ 2025 (6)
- พฤศจิกายน 2024 (1)
- สิงหาคม 2024 (1)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มีนาคม 2024 (5)
- กุมภาพันธ์ 2024 (5)
- มกราคม 2024 (14)
- ธันวาคม 2023 (4)
- พฤศจิกายน 2023 (9)
- ตุลาคม 2023 (12)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (4)
- มิถุนายน 2023 (3)
- พฤษภาคม 2023 (3)
- เมษายน 2023 (1)
- มีนาคม 2023 (1)
- พฤศจิกายน 2022 (1)
- สิงหาคม 2022 (4)
- กรกฎาคม 2022 (1)
- มิถุนายน 2022 (4)
- เมษายน 2022 (6)
- มีนาคม 2022 (3)
- กุมภาพันธ์ 2022 (6)
- มกราคม 2022 (3)
- ธันวาคม 2021 (2)
- ตุลาคม 2021 (1)
- กันยายน 2021 (1)
- สิงหาคม 2021 (3)
- กรกฎาคม 2021 (1)
- มิถุนายน 2021 (2)
- พฤษภาคม 2021 (1)
- มีนาคม 2021 (4)
- กุมภาพันธ์ 2021 (4)
- ธันวาคม 2020 (4)
- พฤศจิกายน 2020 (1)
- มิถุนายน 2020 (1)
- เมษายน 2020 (1)