บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

ปลดล็อกศักยภาพ Edge AI ด้วย Vector Search และการซิงค์ข้อมูลแบบ P2P

sp_202510_tl_phukit_vector_search_hero_banner_2x

โลกของข้อมูลกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากเดิมที่ข้อมูลส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ใน data center กำลังย้ายมาอยู่บนอุปกรณ์ปลายทาง (edge devices) รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน เซ็นเซอร์ และอุปกรณ์ IoT การเปลี่ยนแปลงนี้เองที่ทำให้ตลาด edge computing ทั่วโลกเติบโตอย่างมหาศาล จากมูลค่า 1.596 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 และคาดว่าจะทะยานสู่ 2.1676 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2032 บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าอะไรคือแรงผลักดันเบื้องหลังเทรนด์นี้ และเราจะนำพลังของ Edge AI มาสร้างแอปพลิเคชันอัจฉริยะได้อย่างไร

ข้อดีของการประมวลผลข้อมูลที่ Edge

หากย้ายการประมวลผลข้อมูลมาไว้ที่อุปกรณ์ edge นั่นไม่ใช่แค่การเปลี่ยนที่เก็บข้อมูล แต่เป็นการพลิกโฉมฟังก์ชันการทำงานและวิธีจัดการข้อมูลแอปพลิเคชันไปอย่างสิ้นเชิง และนี่คือข้อได้เปรียบสำคัญที่คุณจะได้รับ

  • ทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต: หัวใจสำคัญของแอปพลิเคชัน edge คือความเสถียรและความสามารถในการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยคุณสมบัติที่พร้อมทำงานเสมอนี้เองที่ทำให้มันยืดหยุ่นและนำไปปรับใช้ได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ห่างไกลที่สัญญาณเครือข่ายไม่เสถียร ไปจนถึงระบบในรถยนต์หรืออุปกรณ์ส่วนตัวที่อินเทอร์เน็ตอาจขาดหายเป็นช่วงๆ 

    ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้ที่ตัวอุปกรณ์โดยตรง ช่วยรับประกันว่าการทำงานจะต่อเนื่อง ไม่สะดุด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญสูง นับเป็นหัวใจสำคัญของแอปพลิเคชันที่ต้องทำงานต่อเนื่อง แม้ในสภาวะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่เสถียร

  • ประหยัดต้นทุนการ query ข้อมูล: การนำโมเดลประมวลผลข้อมูลมาใส่ไว้ในแอปพลิเคชันโดยตรง และจัดการการค้นหาทั้งหมดที่ตัวอุปกรณ์ จะช่วยให้องค์กรลดต้นทุนการรับส่งข้อมูลได้อย่างมหาศาล

  • ตอบสนองได้แบบเรียลไทม์: การฝังโมเดลประมวลผลไว้ในตัวแอปพลิเคชันช่วยลดระยะเวลาส่งข้อมูลไป-มาระหว่างการค้นหาได้อย่างมาก การประมวลผลบนอุปกรณ์ทำให้เกิดการตอบสนองที่แทบจะในทันที ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน การตอบสนองที่รวดเร็วนี้คือหัวใจสำคัญสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องทำงานแบบเรียลไทม์ เช่น augmented eeality (AR), ยานยนต์ไร้คนขับ และระบบควบคุมในอุตสาหกรรม

  • ปกป้องข้อมูลส่วนตัวไม่ให้รั่วไหล:  edge computing มีจุดเด่นที่การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งถูกพัฒนาคุณภาพขึ้นโดยหลักการออกแบบของมันเอง นั่นหมายความว่าข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลละเอียดอ่อนต่างๆ ที่เก็บไว้บนอุปกรณ์ต้นทาง และไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลออกไปข้างนอกอีกต่อไป แต่ทำการจัดการข้อมูลที่ตัวอุปกรณ์โดยตรง วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูล, การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการละเมิดข้อบังคับด้านข้อมูลได้เป็นอย่างดี

ปลดล็อกความอัจฉริยะให้ Edge Computing

การค้นหาเชิงเวกเตอร์ (vector search)
ก่อนจะไปเจาะลึกว่า vector search คืออะไรและทำงานอย่างไร เรามาทำความรู้จักกับ ‘เวกเตอร์’ (vector) กัน พูดง่ายๆ เวกเตอร์ ก็คือจุดข้อมูลหนึ่งๆ ที่ประกอบด้วยหลายตัวแปร โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของชุดตัวเลข คล้ายกับการระบุตำแหน่งด้วยค่าพิกัด (coordinates) นั่นเอง

sp_202510_tl_phukit_vector_search_01_2x

เพื่อให้เห็นภาพของเวกเตอร์ชัดขึ้น ลองนึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง โมเดลสี RGB ที่ใช้ในจอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ของเรา โมเดลนี้มีพื้นฐานมาจากแม่สี 3 สี คือ แดง, เขียว , และน้ำเงิน โดยแต่ละสีจะถูกแทนค่าด้วยตัวเลขหนึ่งค่า และเมื่อเรานำค่าตัวเลขของทั้งสามสีนี้มาผสมกันในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ก็จะทำให้เกิดเป็นเฉดสีอีกนับล้านสีสันปรากฏขึ้นบนหน้าจอของเรานั่นเอง

sp_202510_tl_phukit_vector_search_05_2x

 

ภาพตัวอย่างโมเดลสี RGB จาก Mozilla

หลักการเดียวกันนี้คือหัวใจสำคัญที่ถูกนำมาปรับใช้ใน vector database โดย vector database ทำหน้าที่เป็นแหล่งจัดเก็บเวกเตอร์โดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่มีความหมายใกล้เคียงกันได้อย่างรวดเร็ว โดยจะแสดงผลการค้นหาที่รวดเร็วโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มีความคล้ายคลึงกันมากที่สุด ซึ่งแตกต่างจากฐานข้อมูลแบบเดิมที่อาจไม่ถนัดงานประเภทนี้ vector database จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถจัดระเบียบ, ค้นหา และวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

sp_202510_tl_phukit_vector_search_02_2x

ภาพตัวอย่างการทำงานของ vector database จากCouchbase

แล้วเราจะระบุคุณลักษณะของเวกเตอร์แต่ละตัวในฐานข้อมูลได้อย่างไร? คำตอบก็คือ เราต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า vector embeddings ลองจินตนาการว่ามันคือ ลายนิ้วมือดิจิทัล หรือ DNA ของข้อมูล ซึ่งเป็นชุดตัวเลขยาวๆ ที่ทำหน้าที่อธิบายคุณสมบัติเด่นๆ ของวัตถุชิ้นนั้น กระบวนการค้นหาวัตถุต่างๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันใน vector database นี่เอง ที่เราเรียกว่า vector search

หัวใจสำคัญที่ทำให้ vector search ทรงพลังก็คือ มันทำให้เราค้นหาข้อมูลจาก "ความหมาย" ไม่ใช่แค่จาก "คำที่พิมพ์ตรงกัน" วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผลการค้นหาตรงกับความต้องการของเรามากขึ้น แต่ยังช่วยลด AI hallucinations หรือการที่ AI สร้างข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมา ถือเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของระบบสืบค้นข้อมูลโดยรวมให้มีคุณภาพขึ้นไปอีกขั้น

RAG: เมื่อ AI ไม่ได้ตอบจากความจำ แต่ค้นข้อมูลมาตอบ

RAG (Retrieval-augmented Generation) คือเทคนิคที่ช่วยเพิ่มข้อมูลบริบทหรือในที่นี่คือเวกเตอร์ เข้าไปใน LLM prompts เพื่อให้ AI สามารถสร้างคำตอบที่แม่นยำและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ แทนที่ AI จะตอบจากสิ่งที่จำมาอย่างเดียว แต่มีการเปิดหนังสือหรือดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่สุดมาประกอบการตอบด้วย

เบื้องหลังการทำงานของมันเรียบง่ายแต่ทรงพลังมาก เริ่มต้นด้วยการสร้างและจัดเก็บลายนิ้วมือดิจิทัลของข้อมูล (vector embeddings) จากนั้นใช้ vector search เพื่อค้นหาข้อมูลที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำถามของเราที่สุด สุดท้าย คือการส่งข้อมูลที่ค้นเจอ พร้อมกับคำถามตั้งต้นของเรา ไปให้โมเดล AI เพื่อสร้างคำตอบที่รู้ใจและเฉพาะเจาะจงสำหรับเรามากที่สุด

sp_202510_tl_phukit_vector_search_03_2x

ภาพแสดงขั้นตอนการทำงานพื้นฐานของ RAG จาก Astera Software

การซิงค์ข้อมูลแบบ P2P: เชื่อมต่อกันโดยตรง ไม่ต้องง้ออินเทอร์เน็ต

ลองนึกภาพอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน สามารถส่งข้อมูลหากันได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือผ่านเซิร์ฟเวอร์กลางเลย นี่คือหัวใจของ P2P Sync (Peer-to-peer Sync) เทคโนโลยีนี้เข้ามาตอบโจทย์ในสถานการณ์ที่อินเทอร์เน็ตขาดหายหรือไม่เสถียร ลองนึกถึงทีมงานภาคสนามที่ทำงานในพื้นที่ห่างไกล หรือพนักงานร้านค้าที่ต้องการอัปเดตข้อมูลกันภายในสาขา พวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลล่าสุดถึงกันได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเชื่อมต่อกับคลาวด์เลย

การนำ Edge AI มาใช้งานจริง

  • ขับเคลื่อน LLM ด้วยเฟรมเวิร์กยุคใหม่ การจะทำให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Gemma 2 สามารถทำงานบนอุปกรณ์ Android ได้นั้น เฟรมเวิร์กยุคใหม่อย่าง Google's MediaPipe คือหัวใจสำคัญ โดยทำงานผ่าน MediaPipe LLM inference API เครื่องมือเหล่านี้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถย่อส่วนและปรับแต่งโมเดล AI ขนาดใหญ่ ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์พกพา และในกรณีที่คุณต้องการใช้โมเดลอื่นนอกเหนือจากโมเดลพื้นฐานที่ Google AI Edge รองรับ คุณจะต้องใช้เครื่องมือแปลงเพื่อเปลี่ยนโมเดลนั้นให้อยู่ในรูปแบบที่ MediaPipe LLM inference API สามารถทำงานด้วยได้
sp_202510_tl_phukit_vector_search_04_2x

ภาพแสดงขั้นตอนการแปลงโมเดลสำหรับ MediaPipe จากบทความบน Medium โดย Google Developer Experts’ Medium

  • หัวใจสำคัญของการจัดการข้อมูลบนอุปกรณ์: เพื่อให้โมเดล AI เหล่านี้ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แอปพลิเคชันจำเป็นต้องมีระบบจัดการข้อมูลที่ไว้ใจได้ ซึ่งต้องรองรับทั้งโหมดออนไลน์และออฟไลน์, การซิงค์ข้อมูลตรงระหว่างอุปกรณ์ (P2P), และที่สำคัญคือการเข้ารหัสข้อมูลที่แข็งแกร่งบนตัวอุปกรณ์เอง

  • สถาปัตยกรรมแบบไฮบริด: เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน ส่วนประกอบที่ทำงานบนอุปกรณ์นั้นเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของสถาปัตยกรรมที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตั้งแต่  คลาวด์, edge servers ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทาง โดยการไหลของข้อมูลทั้งหมดในระบบนี้จะถูกดูแลและรักษาความปลอดภัยผ่านเกตเวย์

สร้างความได้เปรียบให้เหนือกว่าด้วย Edge AI

สำหรับธุรกิจที่มองหาความได้เปรียบในการแข่งขัน การนำ edge AI และ vector search มาใช้คือกุญแจสำคัญ เทคโนโลยีเหล่านี้คือหัวใจของการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันอัจฉริยะยุคใหม่ ที่ไม่ได้มีแค่ความเร็ว ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวสูง แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการทำงานออฟไลน์ และฟีเจอร์ที่รู้ใจผู้ใช้ตามบริบทการใช้งานจริง

หากเชี่ยวชาญในแนวทาง edge-first จะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์โปรดักต์ที่ตอบสนองได้อย่างฉับไว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ยุคใหม่ และสร้างความได้เปรียบครั้งสำคัญในตลาดได้อย่างแน่นอน


Pulkit Midha
Developer Evangelist at Couchbase

Pulkit คือนักพัฒนาโมบายล์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมแบบ Offline-First, การซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใช้งานที่ชาญฉลาด เขาเป็นศิษย์เก่าจากโครงการ Google Summer of Code (GSoC) และเป็นผู้ชนะการแข่งขันแฮกกาธอน โดยมุ่งเน้นการสร้างแอปพลิเคชันครอสแพลตฟอร์มที่มีเสถียรภาพสูง และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในคอมมูนิตี้โอเพนซอร์สและกลุ่มนักพัฒนาอยู่เสมอ

phukit_profile
Got a project in mind?
Let us help build the technologies around your needs.
Contact us