บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

หน้าที่ของ Quality Assurance ไม่ใช่แค่หา Software Bug

SP_202511_Article - Employee Branding_QA_Prite-4

แรงบันดาลใจในการทำงานของผมไม่ได้มาจากแอปพลิเคชันหรือดิจิทัลโปรดักต์ชิ้นไหนเป็นพิเศษ แต่เริ่มต้นมาจากเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราใช้เครื่องมือสำหรับการทำงานต่างๆ หรือแม้แต่ตอนทานมื้อเย็น เราทุกคนต่างคาดหวังให้สิ่งเหล่านั้นเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น และพออะไรไม่เป็นไปตามที่หวัง ผมจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขทันที

ความรู้สึกนี้ทำให้ผมค้นพบว่า ผมเป็นคนที่ใส่ใจและอยากให้ทุกสิ่งทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน หลังจากที่ผมได้ศึกษาต่อด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และได้มาทำงานเป็น QA engineer ผมยิ่งมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ใช่ เพราะเป็นบทบาทที่ทำให้ผมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้แน่ใจว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามความคาดหวัง

สวัสดีครับ ผมชื่อ ไปร์ท ปัจจุบันผมเป็น QA engineer ที่ Seven Peaks Software  มากว่า 3 ปี บทความนี้จะมาเล่าว่าจริงๆ แล้ว QA คืออะไร และทำไมงานของเราถึงมีความหมายมากกว่าแค่การหาบั๊ก

งาน QA ไม่ใช่แค่งาน QC ที่คอยหา bug

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าบทบาทของ QA คือการหา bug หรือ QC ที่เน้นการทดสอบตาม ticket ที่ได้รับมาและรีพอร์ตบั๊กเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง งานของเรากว้างกว่านั้นมาก แน่นอนว่าหน้าที่หลักของผู้ทดสอบซอฟต์แวร์ก็รวมถึงงานเหล่านี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • functional testing: การตรวจสอบว่าฟังก์ชันต่างๆ ทำงานถูกต้องตามที่ออกแบบไว้หรือไม่
  • regression testing: การทดสอบซอฟต์แวร์หลังการอัปเดตหรือแก้ไขข้อบกพร่อง เพื่อให้มั่นใจว่าฟังก์ชันและฟีเจอร์อื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่ถูกนำมาใช้
  • usability testing: การประเมินว่าแอปพลิเคหรือเว็บไซต์ ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้หรือไม่
  • performance testing: การตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ สามารถทำงานได้ดีในสภาวะที่มีการใช้งานสูง

แต่งานของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เราต้องวางแผนกลยุทธ์การทดสอบ ออกแบบแนวทางการทดสอบ และรับประกันคุณภาพโดยรวมของดิจิทัลโปรดักต์ เป้าหมายสูงสุดของเราจึงไม่ใช่แค่การตรวจจับบั๊ก แต่คือการป้องกันบั๊ก รวมถึงการช่วยส่งมอบดิจิทัลโปรดักต์คุณภาพสูงที่เชื่อถือได้ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้

พลังของการคุยกันก่อนทำ บทบาท QA ในยุค Agile

ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุคใหม่ QA ไม่ได้เป็นด่านสุดท้ายที่รอจับผิดตอนท้ายอีกต่อไป แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น นี่คือแนวคิดของการทำงานแบบ Agile ที่ QA ต้องมีการทดสอบอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการ ที่นี่เรามีแนวปฏิบัติอย่างหนึ่งคือ pre-work meeting ในการประชุมนี้ทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบในงาน ไม่ว่าจะเป็น developers หรือ QAs และในบางครั้งก็มี management และ tech leads เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ทีมสามารถพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกันในทุกความต้องการหรือฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มพัฒนา

เราจะรีวิวทุกอย่างทั้งด้านเทคนิคและไม่ใช่เทคนิค รวมถึงช่วยกันตั้งคำถาม ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และพูดคุยกันถึง requirements ต่างๆ นี่คือตัวอย่างของ shift-left testing ที่ช่วยให้เราตรวจสอบปัญหาและบั๊กได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มพัฒนาด้วยซ้ำ 

ในกระบวนการที่รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่าง CI/CD หรือ continuous integration/continuous delivery บทบาทของ QA ก็ยิ่งสำคัญในการทำ automation testing เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่ปล่อยออกไปใหม่จะไม่กระทบกับของเดิม และสามารถปล่อยอัปเดตได้อย่างรวดเร็ว การแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดเวลาในการกลับไปแก้ไขงานได้ ประหยัดเวลาเทสต์ และป้องกันความล่าช้าในภายหลัง สุดท้ายคือช่วยประหยัดทั้งเวลาและพลังงานของทีมนั่นเอง

SP_202511_Article - Employee Branding_QA_Prite

Impact ของ QA ที่เป็นมากกว่าเรื่องเงินและความปลอดภัย

เมื่องานของเราคือการรับประกันคุณภาพ บางครั้งผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ได้วัดที่ตัวเงินเสมอไป แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยให้ผู้ใช้ ผมยังจำช่วงเวลาที่รู้สึกประทับใจที่สุดได้ นั่นคือตอนที่ได้รับเสียงตอบรับดีๆ จากลูกค้า ว่าความพยายามในการพัฒนาและส่งมอบดิจิทัลโปรดักต์ของเรา ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาได้

การได้ยินจากผู้ใช้โดยตรงว่า ผลงานของเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงนั้นมีความหมายกับผมมาก มันเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่า ทำไมผมถึงทำในสิ่งที่ทำอยู่ และงานที่ผมทำสามารถสร้างผลลัพธ์ต่อผู้คนได้จริงๆ

นอกเหนือจากการสร้างประสบการณ์ที่ดีแล้ว ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็วการทดสอบด้านความปลอดภัย ก็เป็นอีกส่วนสำคัญ ในฐานะ QA เรามุ่งค้นหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ เช่น การทดสอบการเจาะระบบ (penetration testing) เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายและสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นคุณค่าที่ประเมินเป็นตัวเงินได้ยากเช่นกัน

เส้นทางอาชีพและการเติบโตในสาย QA

ในสายงาน QA เมื่อเรามีประสบการณ์ในตำแหน่ง QA tester มากขึ้น เส้นทางก็เปิดกว้างมากขึ้นตาม เราสามารถเติบโตไปเป็น QA lead หรือ QA manager เพื่อดูแลทีมและวางกลยุทธ์ที่ใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกไปสาย technical อย่างการเป็น automation tester หรือผู้ทดสอบซอฟต์แวร์โดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติ ซึ่งเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงมากก็ได้

เมื่อพูดถึงการเติบโต การเลือกสถานที่ทำงานก็มีผลอย่างมาก ในมุมมองของผม สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การเปรียบเทียบว่าบริษัทไหนดีกว่ากัน แต่เราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการอะไร และบริษัทไหนที่สามารถมอบโอกาสเหล่านั้นได้ ตราบใดที่บริษัทนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังมองหา การทำงานที่ไหนก็ไม่สำคัญ ซึ่งในตอนนี้ Seven Peaks คือสถานที่ที่มอบสิ่งที่ผมต้องการ และให้โอกาสผมได้เติบโตและพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต

SP_202511_Article - Employee Branding_QA_Prite-2

การวัดผลงาน QA ด้วย Metrics และ KPIs

นอกจากเส้นทางอาชีพแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญในสายงานนี้คือการวัดผล ในงาน QA มีหลาย metrics ที่ใช้ในการประเมินผลการทดสอบ เช่น

  • defect density: จำนวนข้อผิดพลาดที่พบในแต่ละหน่วยของซอฟต์แวร์
  • test coverage: การวัดว่าการทดสอบครอบคลุมฟังก์ชันหรือส่วนของซอฟต์แวร์มากน้อยเพียงใด
  • escaped defects: จำนวนข้อผิดพลาดที่หลุดผ่านการทดสอบไปถึงผู้ใช้ ซึ่งถ้ายิ่งน้อยยิ่งดี

ส่วน KPIs อื่นๆ อาจรวมถึงการลดจำนวนข้อผิดพลาด หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบอีกด้วย

วัฒนธรรมทีมและการทำงานที่ยืดหยุ่น

บทบาทของ QA tester ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบแบบ manual ไปจนถึงการเขียนโค้ดสำหรับ automation testing แต่ในยุคนี้หน้าที่ของ QA ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สองอย่างนี้อีกต่อไป เราเริ่มนำเครื่องมือ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน แต่ถึงแม้ AI จะเป็นเครื่องมือช่วย งานยังคงต้องการ QA ที่เป็นมนุษย์ เพื่อควบคุมดูแลและรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทั้งหมด

ประกอบกับในยุคที่การทำงานจากที่บ้าน และ remote work กลายเป็นเรื่องปกติ หลายบริษัทในวงการซอฟต์แวร์รวมถึงที่นี่ก็เปิดโอกาสให้ QA tester ทำงานจากที่บ้านได้เช่นกัน เนื่องจากการทดสอบซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่จริง ตราบใดที่ยังมีเครื่องมือ ระบบ และการสื่อสารในทีมที่มีประสิทธิภาพ

แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน หรือเราจะทำงานจากที่ใด หัวใจสำคัญที่ทำให้ QA ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือทีมและวัฒนธรรมการทำงาน สิ่งที่ช่วยให้ผมทำงานได้ดีที่สุดที่ Seven Peaks คือการที่เราสื่อสารกันในทีมอย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ มันช่วยอย่างยิ่งในแง่ของการแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูล ความคิดเห็น รวมไปถึงประสบการณ์ในมุมมองที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้ย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับแนวปฏิบัติอย่าง pre-work meeting ที่เราคุยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารที่เปิดกว้างคือหัวใจสำคัญในการสร้างคุณภาพที่นี่

สร้างผลลัพธ์ที่มากกว่าแค่การหาบั๊ก

ที่ Seven Peaks Software เราให้ความสำคัญกับ QA Engineer ที่มี mindset ในการป้องกันปัญหา คิดเชิงกลยุทธ์ และทำงานร่วมกับทีม developer ตั้งแต่ต้นน้ำ

หากคุณเชื่อมั่นในการสร้างคุณภาพที่แท้จริง ไม่ใช่แค่รอตรวจจับข้อผิดพลาดที่ปลายทาง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเรา ดูตำแหน่งงานว่างสาย QA และตำแหน่งอื่นๆ ของเราได้ที่นี่

Mask group (2)Suthiwat (Prite) Sirithanakom

Quality Assurance Engineer

ไปร์ทให้ความสำคัญกับการทำงานที่ถูกต้องและแม่นยำในทุกรายละเอียด โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกดิจิทัลโปรดักต์ทำงานได้ตามที่ผู้ใช้คาดหวัง ปัจจุบันเขารับหน้าที่เป็น QA Engineer ที่ Seven Peaks ไปร์ทใช้ทักษะการวางแผนกลยุทธ์การทดสอบและการสื่อสารในทีม เพื่อส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพสูงสุดก่อนถึงมือผู้ใช้ ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ปี ไปร์ทเชี่ยวชาญการทำงานแบบ Agile และมี mindset แบบ Shift-Left ที่เน้นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้น แทนที่จะรอแก้ไขปัญหาที่ปลายทาง

คุณมีโปรเจกต์ที่อยากทำใช่ไหม?
เราจะช่วยสร้างเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้ให้คุณเอง
ติดต่อเรา