แชร์เรื่องนี้
หน้าที่ของ Quality Assurance ไม่ใช่แค่หา Software Bug
โดย Seven Peaks เมื่อ 13 พ.ย. 2025, 13:37:50
แรงบันดาลใจในการทำงานของผมไม่ได้มาจากแอปพลิเคชันหรือดิจิทัลโปรดักต์ชิ้นไหนเป็นพิเศษ แต่เริ่มต้นมาจากเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราใช้เครื่องมือสำหรับการทำงานต่างๆ หรือแม้แต่ตอนทานมื้อเย็น เราทุกคนต่างคาดหวังให้สิ่งเหล่านั้นเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น และพออะไรไม่เป็นไปตามที่หวัง ผมจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขทันที
ความรู้สึกนี้ทำให้ผมค้นพบว่า ผมเป็นคนที่ใส่ใจและอยากให้ทุกสิ่งทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน หลังจากที่ผมได้ศึกษาต่อด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และได้มาทำงานเป็น QA engineer ผมยิ่งมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ใช่ เพราะเป็นบทบาทที่ทำให้ผมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้แน่ใจว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามความคาดหวัง
สวัสดีครับ ผมชื่อ ไปร์ท ปัจจุบันผมเป็น QA engineer ที่ Seven Peaks Software มากว่า 3 ปี บทความนี้จะมาเล่าว่าจริงๆ แล้ว QA คืออะไร และทำไมงานของเราถึงมีความหมายมากกว่าแค่การหาบั๊ก
งาน QA ไม่ใช่แค่งาน QC ที่คอยหา bug
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าบทบาทของ QA คือการหา bug หรือ QC ที่เน้นการทดสอบตาม ticket ที่ได้รับมาและรีพอร์ตบั๊กเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง งานของเรากว้างกว่านั้นมาก แน่นอนว่าหน้าที่หลักของผู้ทดสอบซอฟต์แวร์ก็รวมถึงงานเหล่านี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- functional testing: การตรวจสอบว่าฟังก์ชันต่างๆ ทำงานถูกต้องตามที่ออกแบบไว้หรือไม่
- regression testing: การทดสอบซอฟต์แวร์หลังการอัปเดตหรือแก้ไขข้อบกพร่อง เพื่อให้มั่นใจว่าฟังก์ชันและฟีเจอร์อื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่ถูกนำมาใช้
- usability testing: การประเมินว่าแอปพลิเคหรือเว็บไซต์ ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้หรือไม่
- performance testing: การตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ สามารถทำงานได้ดีในสภาวะที่มีการใช้งานสูง
แต่งานของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เราต้องวางแผนกลยุทธ์การทดสอบ ออกแบบแนวทางการทดสอบ และรับประกันคุณภาพโดยรวมของดิจิทัลโปรดักต์ เป้าหมายสูงสุดของเราจึงไม่ใช่แค่การตรวจจับบั๊ก แต่คือการป้องกันบั๊ก รวมถึงการช่วยส่งมอบดิจิทัลโปรดักต์คุณภาพสูงที่เชื่อถือได้ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้
พลังของการคุยกันก่อนทำ บทบาท QA ในยุค Agile
ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุคใหม่ QA ไม่ได้เป็นด่านสุดท้ายที่รอจับผิดตอนท้ายอีกต่อไป แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น นี่คือแนวคิดของการทำงานแบบ Agile ที่ QA ต้องมีการทดสอบอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการ ที่นี่เรามีแนวปฏิบัติอย่างหนึ่งคือ pre-work meeting ในการประชุมนี้ทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบในงาน ไม่ว่าจะเป็น developers หรือ QAs และในบางครั้งก็มี management และ tech leads เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ทีมสามารถพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกันในทุกความต้องการหรือฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มพัฒนา
เราจะรีวิวทุกอย่างทั้งด้านเทคนิคและไม่ใช่เทคนิค รวมถึงช่วยกันตั้งคำถาม ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และพูดคุยกันถึง requirements ต่างๆ นี่คือตัวอย่างของ shift-left testing ที่ช่วยให้เราตรวจสอบปัญหาและบั๊กได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มพัฒนาด้วยซ้ำ
ในกระบวนการที่รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่าง CI/CD หรือ continuous integration/continuous delivery บทบาทของ QA ก็ยิ่งสำคัญในการทำ automation testing เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่ปล่อยออกไปใหม่จะไม่กระทบกับของเดิม และสามารถปล่อยอัปเดตได้อย่างรวดเร็ว การแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดเวลาในการกลับไปแก้ไขงานได้ ประหยัดเวลาเทสต์ และป้องกันความล่าช้าในภายหลัง สุดท้ายคือช่วยประหยัดทั้งเวลาและพลังงานของทีมนั่นเอง

Impact ของ QA ที่เป็นมากกว่าเรื่องเงินและความปลอดภัย
เมื่องานของเราคือการรับประกันคุณภาพ บางครั้งผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ได้วัดที่ตัวเงินเสมอไป แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยให้ผู้ใช้ ผมยังจำช่วงเวลาที่รู้สึกประทับใจที่สุดได้ นั่นคือตอนที่ได้รับเสียงตอบรับดีๆ จากลูกค้า ว่าความพยายามในการพัฒนาและส่งมอบดิจิทัลโปรดักต์ของเรา ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาได้
การได้ยินจากผู้ใช้โดยตรงว่า ผลงานของเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงนั้นมีความหมายกับผมมาก มันเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่า ทำไมผมถึงทำในสิ่งที่ทำอยู่ และงานที่ผมทำสามารถสร้างผลลัพธ์ต่อผู้คนได้จริงๆ
นอกเหนือจากการสร้างประสบการณ์ที่ดีแล้ว ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็วการทดสอบด้านความปลอดภัย ก็เป็นอีกส่วนสำคัญ ในฐานะ QA เรามุ่งค้นหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ เช่น การทดสอบการเจาะระบบ (penetration testing) เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายและสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นคุณค่าที่ประเมินเป็นตัวเงินได้ยากเช่นกัน
เส้นทางอาชีพและการเติบโตในสาย QA
ในสายงาน QA เมื่อเรามีประสบการณ์ในตำแหน่ง QA tester มากขึ้น เส้นทางก็เปิดกว้างมากขึ้นตาม เราสามารถเติบโตไปเป็น QA lead หรือ QA manager เพื่อดูแลทีมและวางกลยุทธ์ที่ใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกไปสาย technical อย่างการเป็น automation tester หรือผู้ทดสอบซอฟต์แวร์โดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติ ซึ่งเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงมากก็ได้
เมื่อพูดถึงการเติบโต การเลือกสถานที่ทำงานก็มีผลอย่างมาก ในมุมมองของผม สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การเปรียบเทียบว่าบริษัทไหนดีกว่ากัน แต่เราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการอะไร และบริษัทไหนที่สามารถมอบโอกาสเหล่านั้นได้ ตราบใดที่บริษัทนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังมองหา การทำงานที่ไหนก็ไม่สำคัญ ซึ่งในตอนนี้ Seven Peaks คือสถานที่ที่มอบสิ่งที่ผมต้องการ และให้โอกาสผมได้เติบโตและพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต
การวัดผลงาน QA ด้วย Metrics และ KPIs
นอกจากเส้นทางอาชีพแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญในสายงานนี้คือการวัดผล ในงาน QA มีหลาย metrics ที่ใช้ในการประเมินผลการทดสอบ เช่น
- defect density: จำนวนข้อผิดพลาดที่พบในแต่ละหน่วยของซอฟต์แวร์
- test coverage: การวัดว่าการทดสอบครอบคลุมฟังก์ชันหรือส่วนของซอฟต์แวร์มากน้อยเพียงใด
- escaped defects: จำนวนข้อผิดพลาดที่หลุดผ่านการทดสอบไปถึงผู้ใช้ ซึ่งถ้ายิ่งน้อยยิ่งดี
ส่วน KPIs อื่นๆ อาจรวมถึงการลดจำนวนข้อผิดพลาด หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบอีกด้วย
วัฒนธรรมทีมและการทำงานที่ยืดหยุ่น
บทบาทของ QA tester ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบแบบ manual ไปจนถึงการเขียนโค้ดสำหรับ automation testing แต่ในยุคนี้หน้าที่ของ QA ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สองอย่างนี้อีกต่อไป เราเริ่มนำเครื่องมือ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน แต่ถึงแม้ AI จะเป็นเครื่องมือช่วย งานยังคงต้องการ QA ที่เป็นมนุษย์ เพื่อควบคุมดูแลและรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทั้งหมด
ประกอบกับในยุคที่การทำงานจากที่บ้าน และ remote work กลายเป็นเรื่องปกติ หลายบริษัทในวงการซอฟต์แวร์รวมถึงที่นี่ก็เปิดโอกาสให้ QA tester ทำงานจากที่บ้านได้เช่นกัน เนื่องจากการทดสอบซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่จริง ตราบใดที่ยังมีเครื่องมือ ระบบ และการสื่อสารในทีมที่มีประสิทธิภาพ
แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน หรือเราจะทำงานจากที่ใด หัวใจสำคัญที่ทำให้ QA ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือทีมและวัฒนธรรมการทำงาน สิ่งที่ช่วยให้ผมทำงานได้ดีที่สุดที่ Seven Peaks คือการที่เราสื่อสารกันในทีมอย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ มันช่วยอย่างยิ่งในแง่ของการแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูล ความคิดเห็น รวมไปถึงประสบการณ์ในมุมมองที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้ย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับแนวปฏิบัติอย่าง pre-work meeting ที่เราคุยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารที่เปิดกว้างคือหัวใจสำคัญในการสร้างคุณภาพที่นี่
สร้างผลลัพธ์ที่มากกว่าแค่การหาบั๊ก
ที่ Seven Peaks Software เราให้ความสำคัญกับ QA Engineer ที่มี mindset ในการป้องกันปัญหา คิดเชิงกลยุทธ์ และทำงานร่วมกับทีม developer ตั้งแต่ต้นน้ำ
หากคุณเชื่อมั่นในการสร้างคุณภาพที่แท้จริง ไม่ใช่แค่รอตรวจจับข้อผิดพลาดที่ปลายทาง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเรา ดูตำแหน่งงานว่างสาย QA และตำแหน่งอื่นๆ ของเราได้ที่นี่
Suthiwat (Prite) Sirithanakom
Quality Assurance Engineer
ไปร์ทให้ความสำคัญกับการทำงานที่ถูกต้องและแม่นยำในทุกรายละเอียด โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกดิจิทัลโปรดักต์ทำงานได้ตามที่ผู้ใช้คาดหวัง ปัจจุบันเขารับหน้าที่เป็น QA Engineer ที่ Seven Peaks ไปร์ทใช้ทักษะการวางแผนกลยุทธ์การทดสอบและการสื่อสารในทีม เพื่อส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพสูงสุดก่อนถึงมือผู้ใช้ ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ปี ไปร์ทเชี่ยวชาญการทำงานแบบ Agile และมี mindset แบบ Shift-Left ที่เน้นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้น แทนที่จะรอแก้ไขปัญหาที่ปลายทาง
แชร์เรื่องนี้
- ตุลาคม 2025 (6)
- กันยายน 2025 (12)
- สิงหาคม 2025 (6)
- กรกฎาคม 2025 (1)
- มิถุนายน 2025 (2)
- มีนาคม 2025 (3)
- กุมภาพันธ์ 2025 (7)
- พฤศจิกายน 2024 (1)
- สิงหาคม 2024 (1)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มีนาคม 2024 (5)
- กุมภาพันธ์ 2024 (5)
- มกราคม 2024 (14)
- ธันวาคม 2023 (4)
- พฤศจิกายน 2023 (9)
- ตุลาคม 2023 (13)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (4)
- มิถุนายน 2023 (3)
- พฤษภาคม 2023 (3)
- เมษายน 2023 (1)
- มีนาคม 2023 (1)
- พฤศจิกายน 2022 (1)
- สิงหาคม 2022 (4)
- กรกฎาคม 2022 (1)
- มิถุนายน 2022 (3)
- เมษายน 2022 (6)
- มีนาคม 2022 (3)
- กุมภาพันธ์ 2022 (6)
- มกราคม 2022 (3)
- ธันวาคม 2021 (2)
- ตุลาคม 2021 (1)
- กันยายน 2021 (1)
- สิงหาคม 2021 (3)
- กรกฎาคม 2021 (1)
- มิถุนายน 2021 (2)
- พฤษภาคม 2021 (1)
- มีนาคม 2021 (4)
- กุมภาพันธ์ 2021 (4)
- ธันวาคม 2020 (3)
- พฤศจิกายน 2020 (1)
- มิถุนายน 2020 (1)
- เมษายน 2020 (1)
