แชร์เรื่องนี้
เพิ่มคุณภาพงานผ่านความร่วมมือระหว่างนักออกแบบ นักพัฒนา และลูกค้า
โดย Seven Peaks เมื่อ 15 ก.ย. 2025, 18:14:58
ในโลกของการออกแบบและพัฒนาดิจิทัลโปรดักต์ การร่วมงานกับบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแต่ละบริษัทต่างก็มีวิสัยทัศน์ เป้าหมายทางธุรกิจ และรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ที่ Morphosis บริษัทที่ปรึกษาด้านดีไซน์ในเครือ Seven Peaks เรามีประสบการณ์ครอบคลุมตั้งแต่ user experience (UX) ของแอปฯ ธนาคาร ไปจนถึงการ user interface (UI) ของแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์
การทำงานร่วมกันระหว่างทีมหลายสายงานต้องอาศัยการปรับตัวให้เข้ากับขอบเขตและความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อให้โปรเจกต์สามารถเดินหน้าได้อย่างราบรื่น บางงาน ทีมจะช่วยลูกค้ากำหนดกรอบและสร้างดิจิทัลโปรดักต์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น ขณะที่บางงานอาจมุ่งเน้นการปรับปรุง UI ของโปรดักต์ที่มีฐานผู้ใช้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์เล็กหรือใหญ่ สิ่งที่ทำให้ทีมสามารถรับมือกับความหลากหลายนี้ได้ คือการใช้กระบวนการและเครื่องมือที่เน้น “การทำงานร่วมกัน” อย่างแท้จริง
กระบวนการพัฒนาที่พร้อมปรับตามทิศทางที่ลูกค้าคาดหวัง
แม้แต่ละทีมจะมีมาตรฐานและวิธีการทำงานของตนเอง แต่สิ่งสำคัญคือการปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ขอบเขตงาน และเป้าหมายสุดท้าย
หัวหน้าทีมควรพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ
- เป้าหมายทางธุรกิจของลูกค้า เช่น ดิจิทัลโปรดักต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือสร้างรายได้อย่างไร
- ภาพรวมของตัวดิจิทัลโปรดักต์ ทั้งเป้าหมาย แผนงาน และกลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย
- แนวทางปฏิบัติที่ตอบโจทย์ที่สุด (best practices) และเทรนด์ปัจจุบันในตลาด รวมถึงทำความรู้จักคู่แข่งและเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง
- แผนในอนาคต เช่น แนวทางการพัฒนาโปรดักต์หลังจากงานเสร็จสิ้น
- ทรัพยากรและองค์ประกอบที่ต้องใช้เพื่อให้งานสำเร็จ
- ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่อาจส่งผลต่อ UX / UI
เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างลูกค้าและทีมงานราบรื่น ควรกำหนดทั้งบทบาท ความรับผิดชอบ รวมถึงเครื่องมือและกระบวนการที่เหมาะสม
สื่อสารได้ดีก็ยิ่งทำให้งานออกมาดีขึ้น
ถ้าขาดเครื่องมือหรือช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจน ก็ยากที่จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน และเมื่อเป้าหมายไม่สอดคล้องกัน คุณภาพของผลลัพธ์ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง
การสื่อสารที่ผิดพลาดภายในทีมก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น designer สร้าง UI ที่ซับซ้อนเกินไปจน developer ไม่สามารถพัฒนาได้ หรือในทางกลับกัน developer พัฒนาระบบที่ไม่สอดคล้องกับ branding ของลูกค้า ซึ่งส่งผลให้ UX ขาดความต่อเนื่อง
เมื่อดีไซน์กับโค้ดไปในทิศทางเดียวกัน ผลลัพธ์ย่อมดีกว่า
พยายามสร้างพื้นที่ที่ทีมออกแบบและทีมพัฒนาสามารถสื่อสารได้อย่างเสรีเพื่อช่วยลดความสับสนหรือคลาดเคลื่อนในการส่งต่องาน อีกทั้งยังทำให้ developer สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
developer ควรมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะตั้งแต่เวอร์ชันแรก ๆ ของงานออกแบบ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการกำหนด design system และเทมเพลต นักออกแบบก็ควรเริ่มพูดคุยกับ developer ก่อนเริ่มงาน เพื่อร่วมกันกำหนดขอบเขตของโปรดักต์ที่สามารถสร้างได้จริง อีกทั้งนักออกแบบยังควรใส่คำอธิบายกำกับในจุดที่อาจไม่ชัดเจน เพื่อให้ทีมพัฒนาเข้าใจ UI ได้อย่างถูกต้อง
ทุกขั้นตอนในกระบวนการมีความหมาย
แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการตั้งชื่อไฟล์หรือการจัดโครงสร้างไฟล์ ก็มีส่วนช่วยให้การทำงานระหว่างทีมและลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ อาจต้องใช้โครงสร้างไฟล์ที่ซับซ้อนกว่า ขณะที่โปรเจกต์ขนาดเล็กสามารถจัดการได้ง่ายกว่า แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่เพียงใด การจัดโครงสร้างไฟล์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปรับให้เหมาะสมตามบริบทของงาน และยิ่งมีความสำคัญมากเมื่อมีการสร้าง design system เพราะเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อและการจัดระเบียบไฟล์อื่น ๆ ให้สอดคล้องกันด้วย
เช่นเดียวกับทุกขั้นตอนของการพัฒนาโปรดักต์ การจัดการไฟล์ที่ดีในกระบวนการออกแบบ UX ช่วยเสริมการสื่อสารระหว่างทีมและลูกค้าให้ชัดเจนขึ้น และทำให้การส่งมอบงานเป็นไปอย่างราบรื่น
Figma พื้นที่สื่อสารเพื่อการทำงานร่วมกัน
หนึ่งในคุณสมบัติที่มักถูกมองข้ามของ Figma คือบทบาทในฐานะ เครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็น product owner, designer, developer หรือ stakeholder ของลูกค้า ทุกฝ่ายสามารถใช้ Figma เพื่อให้ข้อเสนอแนะและทำงานร่วมกันได้ตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจกต์ไปจนถึงขั้นตอนการส่งมอบงาน
ในฐานะแพลตฟอร์มอเนกประสงค์ Figma ไม่ได้หยุดอยู่แค่การออกแบบ UI เท่านั้น แต่มันยังถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำ sprint retrospective การบันทึกเวอร์ชันต่าง ๆ รวมถึงการตรวจสอบและเพิ่ม use case ได้ด้วย ข้อเสนอแนะหรือประเด็นที่ถูกยกขึ้นมา จะถูกเก็บบันทึกและนำไปต่อยอดอย่างเป็นระบบ ยิ่งไปกว่านั้น การมี design system เป็น asset กลางใน Figma จะช่วยให้การพัฒนาโปรดักส์สอดคล้องและอยู่ในทิศทางเดียวกับแบรนด์เสมอ
การให้คนที่ไม่ใช่นักออกแบบเข้ามาใช้ “เครื่องมือออกแบบ” อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่จริง ๆ แล้ว แค่ช่วยให้แต่ละคนเข้าใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานของตนเองก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์แล้ว เช่น ทำให้นักพัฒนาคุ้นเคยกับ dev mode หรือแนะนำลูกค้าให้เข้าใจกระบวนการคอมเมนต์ และเมื่อทุกคนรู้วิธีใช้เครื่องมือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเอง Figma ก็จะกลายเป็นจุดเชื่อมสำคัญที่ทำให้ทีมเดินไปในทิศทางเดียวกัน
ยกระดับดิจิทัลโปรดักต์ ด้วยพลังการทำงานร่วมกัน
Figma เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ designer, developer และ stakeholder ทำงานอย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อผสานการใช้เครื่องมือเข้ากับกระบวนการที่ปรับตามความต้องการของลูกค้าและเป้าหมายทางธุรกิจ ก็จะสามารถสร้าง UX ที่มีคุณภาพสูง และผลักดันให้ดิจิทัลโปรดักต์ประสบความสำเร็จได้จริง
แชร์เรื่องนี้
- Expert Spotlight (11)
- FinTech (11)
- การพัฒนาซอฟต์แวร์ (10)
- อาชีพการงาน (8)
- Cloud (7)
- Banking (5)
- Cross-Platform Application (5)
- InsurTech (5)
- Mixpanel (5)
- Thought Leadership (5)
- UX/UI (5)
- AI (4)
- Agile (4)
- Digital Product (4)
- Digital Transformation (4)
- JavaScript (4)
- QA (4)
- Trend (4)
- การพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS (4)
- Android Developer (3)
- Azure (3)
- CSR (3)
- Hybrid App (3)
- IoT (3)
- Product Growth (3)
- Product-Centric Mindset (3)
- Seven Peaks Insights (3)
- การพัฒนาแอปฯ Android (3)
- บริษัท (3)
- เทคโนโลยีการเงินและการธนาคาร (3)
- .NET (2)
- Data (2)
- Data and Analytics (2)
- Digital Product Development (2)
- Kotlin (2)
- Native App (2)
- ReactJS (2)
- SEO (2)
- digital marketing (2)
- การพัฒนาแอปฯ (2)
- งาน Product Owner (2)
- ฟินเทค (2)
- 2FA (1)
- 5g (1)
- Android (1)
- AndroidX Biometric (1)
- Azure OpenAI Service (1)
- Biometrics (1)
- CI/CD (1)
- Customer Data Platform (1)
- Data Center (1)
- Design Thinking (1)
- DevOps (1)
- Digital Healthcare (1)
- Digital ID (1)
- Digital Landscape (1)
- E-payment (1)
- E-wallet (1)
- Financial Inclusion (1)
- GraphQL (1)
- IT Outsourcing (1)
- LLM (1)
- MFA (1)
- MVP (1)
- MVVM (1)
- Metaverse (1)
- Morphosis (1)
- Node.js (1)
- Partner (1)
- Platform Engineering (1)
- Product Discovery (1)
- Recruitment (1)
- SCB (1)
- Scrum Master (1)
- Search Engine (1)
- Software Engineer (1)
- Software Tester (1)
- Stripe (1)
- Swift (1)
- SwiftUI (1)
- Tech Meetup (1)
- Turnkey (1)
- UI (1)
- UX Design (1)
- UX writing (1)
- Web-Debugging Tool (1)
- customer centric (1)
- iOS17 (1)
- waterfall (1)
- web application (1)
- การจ้างงาน (1)
- การพัฒนาด้วย RabbitMQ (1)
- การพัฒนาระบบคลาวด์ (1)
- การออกแบบ Decorator Pattern (1)
- การใช้งาน C# (1)
- งาน Product Manager (1)
- งาน platform enginerring (1)
- ทำ Context API (1)
- ระบบการชำระเงิน (1)
- สร้าง brand loyalty (1)
- อีคอมเมิร์ซ (1)
- เขียนโค้ด React (1)
- เทคโนโลยี React (1)
- เพิ่ม conversion (1)
- เฟรมเวิร์ก (1)
- แดชบอร์ด (1)
- กันยายน 2025 (5)
- สิงหาคม 2025 (6)
- กรกฎาคม 2025 (1)
- มีนาคม 2025 (2)
- กุมภาพันธ์ 2025 (6)
- พฤศจิกายน 2024 (1)
- สิงหาคม 2024 (1)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มีนาคม 2024 (5)
- กุมภาพันธ์ 2024 (5)
- มกราคม 2024 (14)
- ธันวาคม 2023 (4)
- พฤศจิกายน 2023 (9)
- ตุลาคม 2023 (12)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (4)
- มิถุนายน 2023 (3)
- พฤษภาคม 2023 (3)
- เมษายน 2023 (1)
- มีนาคม 2023 (1)
- พฤศจิกายน 2022 (1)
- สิงหาคม 2022 (4)
- กรกฎาคม 2022 (1)
- มิถุนายน 2022 (4)
- เมษายน 2022 (6)
- มีนาคม 2022 (3)
- กุมภาพันธ์ 2022 (6)
- มกราคม 2022 (3)
- ธันวาคม 2021 (2)
- ตุลาคม 2021 (1)
- กันยายน 2021 (1)
- สิงหาคม 2021 (3)
- กรกฎาคม 2021 (1)
- มิถุนายน 2021 (2)
- พฤษภาคม 2021 (1)
- มีนาคม 2021 (4)
- กุมภาพันธ์ 2021 (4)
- ธันวาคม 2020 (4)
- พฤศจิกายน 2020 (1)
- มิถุนายน 2020 (1)
- เมษายน 2020 (1)