แชร์เรื่องนี้
Customer Data Platform (CDP) คือหนึ่งในสิ่งที่ธุรกิจควรมีในยุคที่ทุกเรื่องตัดสินใจด้วยข้อมูลเชิงลึก
โดย Seven Peaks เมื่อ 12 ก.พ. 2024, 12:58:15
ประโยชน์สูงสุดของการใช้ CDP คือการเข้าใจลูกค้าในทุกมิติ (88%) และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากลูกค้า (54%) ถูกเปิดเผยโดย สถาบัน CDP ซึ่งในโลกธุรกิจที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำเอาข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการใช้งาน ช่องทางการติดต่อ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาจากทีมคอลเซนเตอร์ ทีมการตลาด ทีมเซลส์ หรือจากเครื่องมือใดๆ ก็ตามมาวิเคราะห์ต่อล้วนเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
อย่างไรก็ตาม ในยุค data privacy ที่ลูกค้าคำนึงถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวของพวกเขามากขึ้น การที่ธุรกิจจะทำการจัดเก็บและนำข้อมูลไปใช้ในด้านการตลาด ก็ยิ่งมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้เพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
แต่ปัญหาที่ว่ามา สามารถจัดการได้ด้วยการนำ customer data platform มาใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ จากลูกค้า เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของคุณได้เข้าถึงข้อมูลที่จากเดิมกระจัดกระจายอยู่คนละที่ ให้กลายเป็นกลุ่มก้อนของข้อมูลที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น
Customer Data Platform (CDP) คืออะไร?
Customer data platform หรือ CDP คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยรวบรวมและจัดการข้อมูลลูกค้าจาก touchpoint ต่างๆ ภายในบริษัท เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบครบวงจร โดยโปรไฟล์เหล่านี้ให้มุมมองที่ครอบคลุมของลูกค้าแต่ละราย และทำให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรม ความชอบ การโต้ตอบ และอื่นๆ ของเหล่าลูกค้า พร้อมกับนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประกอบในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น สำหรับข้อมูลที่ CDP มีการเก็บรวบรวมไว้ก็ได้แก่
-
ข้อมูลส่วนตัว
-
- ชื่อนามของลูกค้า
- ข้อมูลการติดต่อ (ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่)
- โปรไฟล์โซเชียลมีเดีย
-
ข้อมูลประชากร
- อายุ
- เพศ
- อาชีพ
- สถานที่อยู่อาศัย
-
ข้อมูลพฤติกรรมส่วนตัว
-
- การใช้งานเว็บไซต์
- ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ชื่นชอบ
- ประวัติการซื้อ
- อัตราการคลิกเข้าชมอีเมลทางการตลาด
- การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
-
ข้อมูลการทำธุรกรรม
- ประวัติการสั่งซื้อ
- ข้อมูลการชำระเงิน
- รายละเอียดการสมัครสมาชิก
-
ข้อมูลการโต้ตอบกับลูกค้า
- การโต้ตอบกับทีมบริการลูกค้า
- รายละเอียดการขอความช่วยเหลือ
- ข้อเสนอแนะและการรีวิว
-
ข้อมูลการโต้ตอบทางการตลาด
- การตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด
- การคลิกที่โฆษณาต่างๆ
- การเลือกรับและไม่รับการสื่อสารทางการตลาด
-
ข้อมูลอุปกรณ์และช่องทางที่ใช้
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการ
- ช่องทางที่ลูกค้าโต้ตอบ (เว็บไซต์, แอปฯ มือถือ, โซเชียลมีเดีย)
-
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์
- ข้อมูลตำแหน่งที่ใช้งานอุปกรณ์ (สำหรับแอปพลิเคชันบนมือถือ)
-
ข้อมูลการตั้งค่าและความยินยอม
- ความต้องการของลูกค้าเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสาร
- ความยินยอมในการอนุญาตให้ใช้ข้อมูลและกิจกรรมทางการตลาด
CDP, DMP, และ CRM ต่างกันอย่างไร ธุรกิจของคุณเหมาะกับแบบไหน?
Customer data platform (CDP), data mangement platform (DMP) และ customer relationship management (CRM) เป็นเครื่องมือที่ทำงานเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของธุรกิจที่แตกต่างกัน และต่อจากนี้คือการถึงความแตกต่างของทั้งสามแพลตฟอร์มเอาไว้ให้คุณเข้าใจได้ง่ายๆ โดยแบ่งเป็นวัตถุประสงค์, การใช้ข้อมูล, และกลุ่มเป้าหมาย
1. Customer Data Platform (CDP)
แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP) มีเป้าหมายมุ่งเน้นไปที่การรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งที่มาต่างๆ เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุมและรวมศูนย์อยู่ในที่เดียว แน่นอนว่าแพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรวบรวม ผสานรวม และจัดการข้อมูลลูกค้า สำหรับการสร้างมุมมองแบบองค์รวมของลูกค้าแต่ละราย โดยทีมการตลาดนิยมใช้ CDP ในการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า นำเสนอแคมเปญการตลาดที่ปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน และรับ insight เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำไปแก้ไขหรือปรับปรุงโปรดักต์และบริการให้ดีขึ้นต่อไป
2. Data Management Platform (DMP)
แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล (DMP) มุ่งเน้นไปที่การจัดการและจัดระเบียบข้อมูลของผู้ชมที่ไม่ทราบชื่อ เช่น IP หรือ Cookie จำนวนมาก พร้อมทั้งเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ทางออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างกลุ่มผู้ชมสำหรับใช้กำหนดการทำโฆษณาที่ตรงเป้าหมายได้ นั่นหมายความว่า DMP มักถูกใช้โดยผู้ลงโฆษณาและผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การโฆษณาของพวกเขา
3. Customer Relationship Management (CRM)
ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) มุ่งเน้นไปที่การจัดการปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า ด้วยการจัดเก็บและติดตามข้อมูลลูกค้า รวมถึงรายละเอียดการติดต่อ ประวัติการสื่อสาร และโอกาสในการขาย ทั้งนี้ ระบบ CRM จะถูกใช้หลักๆ โดยทีมขาย ทีมการตลาด และทีมบริการลูกค้า สำหรับปรับปรุงการโต้ตอบกับลูกค้า พร้อมกับเพิ่มโอกาสในการขาย และปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
10 ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการใช้งาน CDP
CDP ไม่ได้เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจถึงความซับซ้อนของระบบนิเวศข้อมูลสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลอันมีค่าของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนอีกด้วย ในส่วนต่อไปนี้ เราจะพาคุณไปดูถึงประโยชน์ 10 ข้อ ที่ธุรกิจของคุณจะได้รับจากการประยุกต์ใช้ CDP
1. เข้าใจลูกค้าแบบ 360 องศา
การที่ CDP รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้มีมุมมองที่เป็นหนึ่งเดียวและครอบคลุมของลูกค้าแต่ละราย ด้วยมุมมองแบบองค์รวมนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีความเข้าใจต่อพฤติกรรมของลูกค้า ความชอบ และการโต้ตอบระหว่างช่องทางต่างๆ โดยปราศจากอคติอย่างแท้จริง
2. การทำ personalization ที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยความเข้าใจในโปรไฟล์ของลูกค้าแต่ละรายโดยละเอียด ธุรกิจจึงสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่เป็นปรับแต่งเฉพาะบุคคลและตรงเป้าหมายได้ สิ่งนี้นำไปสู่การส่งข้อความ ข้อเสนอ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น และช่วยปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าให้ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน
3. ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้น
การสื่อสารที่เป็นส่วนตัวและทันท่วงที ที่ดำเนินการโดย CDP ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจสามารถส่งข้อความที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมผ่านช่องทางที่ต้องการได้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโต้ตอบและได้รับการตอบสนองจากลูกค้าเพื่อเพิ่มความประทับใจให้กับพวกเขา
4. ปรับ ROI ของแคมเปญได้อย่างเหมาะสม
ความพยายามในการทำการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและผ่านการทำ personalization ซึ่งขับเคลื่อนโดย insight ที่ได้มาจาก CDP สามารถนำไปสู่การสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำสิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่เพิ่มสูงขึ้น
5. การตลาดแบบ cross-channel ที่มีประสิทธิภาพ
CDP ช่วยให้สามารถผสานรวมการใช้ช่องทางการตลาดต่างๆ ได้อย่างราบรื่น โดยธุรกิจสามารถรักษาความสม่ำเสมอในการส่งข้อความและการสร้างแบรนด์ไปพร้อมกัน ในขณะเดียวกันก็ยังส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้กับลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์, แอปฯ มือถือ, อีเมล, โซเชียลมีเดีย และ touchpoint ต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
6. ตอบสนองได้รวดเร็วด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์
แพลตฟอร์ม CDP บางแห่งเปิดให้เข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ตอบสนองต่อการปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยการได้รับ insight แบบเรียลไทม์ช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจต่างๆ ยังคงดำเนินแคมเปญได้ตรงเป้าและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
7. เพิ่ม retention และ loyalty ของลูกค้า
ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าและคาดการณ์ความคาดหวังของพวกเขา ธุรกิจจึงมีโอกาสที่จะสานความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นได้ จากการนำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ช่วยส่งเสริมความภักดีของลูกค้า พร้อมทั้งกระตุ้นให้พวกเขาอยากกลับมาใช้โปรดักต์หรือบริการซ้ำอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวนั่นเอง
8. มี data governance และ compliance ที่รัดกุมและเป็นไปตามกฎหมาย
CDP มักมาพร้อมคุณสมบัติในการกำกับดูแลข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัว สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจต่างๆ จะสามารถจัดการข้อมูลของลูกค้าให้เป็นตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า และหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
9. การดำเนินงานที่คล่องตัวกว่าเดิม
การรวบรวมข้อมูลลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานให้กับทีมการตลาด เนื่องจากทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในจุดเดียว ซึ่งช่วยลดเวลาและความพยายามในการจัดการรวมถึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นได้จากทุกที่ทุกเวลา
10. พร้อมสำหรับการปรับขนาดในอนาคต
แพลตฟอร์ม CDP ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการปรับขนาดได้ตามความต้องการใช้งานข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจในอนาคต จึงสามารถปรับให้เข้ากับปริมาณข้อมูลที่เข้ามา แหล่งที่มา และข้อกำหนดทางธุรกิจ โดยมอบโซลูชันที่ยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจต่างๆ ให้สามารถใช้งานข้อมูลของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ในระหว่างการพัฒนาและแม้แต่ตอนที่ต้องขยับขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน
แนวทางที่ดีที่สุดในการนำ CDP ไปใช้กับธุรกิจของคุณ
มาถึงตรงนี้คุณคงอยากรู้แล้วว่าแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้ customer data platform (CDP) สำหรับธุรกิจของคุณควรทำอย่างไร ดังนั้นเราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กัน
เริ่มต้นการรวบรวมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน
ให้คุณเริ่มต้นด้วยการประเมินแหล่งข้อมูลภายในและภายนอกทั้งหมดที่มีอยู่อย่างละเอียด พร้อมกับทำ data onboarding เพื่อผสานรวมข้อมูลจาก touchpoint ต่างๆ ลงใน CDP จากนั้นตรวจสอบความเข้ากันได้ของข้อมูล คัดกรอง และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลขาเข้า พร้อมกับการสร้างรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน ด้วยการใช้ประโยชน์จาก API และตัวเชื่อมต่อเพื่อผสานเข้ากับระบบที่มีอยู่ เช่น ระบบ CRM, ระบบการตลาดอัตโนมัติ, และพื้นที่เก็บข้อมูลอื่นๆ
สร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุม
คุณควรมุ่งไปที่การสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุมและรวมไว้เป็นหนึ่งเดียวใน CDP เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่แม่นยำ การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน และการอัปเดตแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งควรลงทุนในเครื่องมือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าผ่านช่องทางและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการตรวจสอบและจัดการข้อมูลโปรไฟล์ของลูกค้าให้ถูกต้องเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลเหล่านั้นมีคุณภาพสูงสุด และปิดท้ายด้วยการใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจที่ละเอียดมากขึ้นให้กับลูกค้าแต่ละราย
แบ่งส่วนและกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมาย
เราใช้การแบ่งส่วนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายเพื่อช่วยในการปรับแต่งการโต้ตอบกับลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จาก insight ที่ได้รับจาก CDP เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมของลูกค้า ความชอบ และข้อมูลประชากร ซึ่งการใช้ความสามารถในการแบ่งกลุ่มเป้าหมายของ CDP เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าแบบไดนามิก จะช่วยให้คุณสามารถจัดการแบ่งกลุ่มลูกค้าได้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง เช่น แคมเปญการตลาดเฉพาะบุคคล คำแนะนำโปรดักต์ที่ถูกปรับให้เหมาะสม หรือการบริการลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว
ใช้งานกลยุทธ์ personalization แบบเรียลไทม์
ขั้นตอนสุดท้ายที่คุณต้องทำก็คือปรับใช้กลยุทธ์ personalization แบบเรียลไทม์ตาม insight ที่ได้รับจาก CDP เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีที่สุดตลอดระยะเวลาการทำแคมเปญ ซึ่งคุณจะสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าผ่าน touchpoint ต่างๆ เพื่อตั้งค่าทุกอย่างสำหรับการนำเสนอคอนเทนต์ที่ผ่านปรับแต่งมาเฉพาะแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์ แอปฯ มือถือ หรือช่องทางการตลาดใดๆ หลังจากนั้นก็ทำการติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์ personalization ตามการโต้ตอบและคำติชมที่ได้รับจากลูกค้า
ขับเคลื่อนทุกการตัดสินใจทางธุรกิจด้วยข้อมูลที่ได้มาจากลูกค้าแบบ 360 องศา
CDP เป็นแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์มากในยุคที่ทุกธุรกิจมีข้อมูลต่างๆ มากมาย และสามารถเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็น insight ที่ช่วยให้ตัดสินใจทำสิ่งใดๆ ก็ตาม เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถพัฒนาบริการ แคมเปญการตลาด หรือแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ได้ดียิ่งขึ้นแบบ 360 องศา หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาด้านการทำ data analytics ที่ Seven Peaks เราเป็นพาร์ตเนอร์กับ Mixpanel ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นนำ ที่พร้อมช่วยธุรกิจคุณเข้าถึงขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลของคุณ ปรึกษาเราเลย
แชร์เรื่องนี้
- FinTech (11)
- การพัฒนาซอฟต์แวร์ (10)
- Expert Spotlight (8)
- อาชีพการงาน (8)
- Cloud (5)
- InsurTech (5)
- Mixpanel (5)
- Agile (4)
- Digital Transformation (4)
- JavaScript (4)
- QA (4)
- Trend (4)
- การพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS (4)
- Android Developer (3)
- Azure (3)
- Banking (3)
- CSR (3)
- Hybrid App (3)
- IoT (3)
- Product-Centric Mindset (3)
- Seven Peaks Insights (3)
- Thought Leadership (3)
- การพัฒนาแอปฯ Android (3)
- การออกแบบ UX (3)
- บริษัท (3)
- เทคโนโลยีการเงินและการธนาคาร (3)
- .NET (2)
- AI (2)
- Cross-Platform Application (2)
- Data (2)
- Kotlin (2)
- Native App (2)
- ReactJS (2)
- digital marketing (2)
- การพัฒนาแอปฯ (2)
- งาน Product Owner (2)
- 5g (1)
- Android (1)
- AndroidX Biometric (1)
- Azure OpenAI Service (1)
- Biometrics (1)
- CI/CD (1)
- Customer Data Platform (1)
- Data and Analytics (1)
- Design Thinking (1)
- DevOps (1)
- Digital Healthcare (1)
- Digital ID (1)
- Digital Landscape (1)
- Digital Product (1)
- Digital Product Development (1)
- E-payment (1)
- E-wallet (1)
- Financial Inclusion (1)
- GraphQL (1)
- IT Outsourcing (1)
- MVP (1)
- MVVM (1)
- Metaverse (1)
- Morphosis (1)
- Node.js (1)
- Partner (1)
- Platform Engineering (1)
- Product Growth (1)
- Recruitment (1)
- SCB (1)
- SEO (1)
- Scrum Master (1)
- Software Engineer (1)
- Software Tester (1)
- Stripe (1)
- Swift (1)
- SwiftUI (1)
- Tech Meetup (1)
- Turnkey (1)
- UI (1)
- UX (1)
- UX Design (1)
- UX writing (1)
- Web-Debugging Tool (1)
- customer centric (1)
- iOS17 (1)
- waterfall (1)
- การจ้างงาน (1)
- การพัฒนาด้วย RabbitMQ (1)
- การพัฒนาระบบคลาวด์ (1)
- การออกแบบ Decorator Pattern (1)
- การใช้งาน C# (1)
- งาน Product Manager (1)
- งาน platform enginerring (1)
- ทำ Context API (1)
- ฟินเทค (1)
- ระบบการชำระเงิน (1)
- สร้าง brand loyalty (1)
- อีคอมเมิร์ซ (1)
- เขียนโค้ด React (1)
- เทคโนโลยี React (1)
- เพิ่ม conversion (1)
- เฟรมเวิร์ก (1)
- แดชบอร์ด (1)
- พฤศจิกายน 2024 (1)
- สิงหาคม 2024 (1)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มีนาคม 2024 (5)
- กุมภาพันธ์ 2024 (5)
- มกราคม 2024 (14)
- ธันวาคม 2023 (4)
- พฤศจิกายน 2023 (9)
- ตุลาคม 2023 (12)
- กันยายน 2023 (7)
- กรกฎาคม 2023 (4)
- มิถุนายน 2023 (3)
- พฤษภาคม 2023 (3)
- เมษายน 2023 (1)
- มีนาคม 2023 (1)
- พฤศจิกายน 2022 (1)
- สิงหาคม 2022 (4)
- กรกฎาคม 2022 (1)
- มิถุนายน 2022 (4)
- เมษายน 2022 (6)
- มีนาคม 2022 (3)
- กุมภาพันธ์ 2022 (6)
- มกราคม 2022 (3)
- ธันวาคม 2021 (2)
- ตุลาคม 2021 (1)
- กันยายน 2021 (1)
- สิงหาคม 2021 (3)
- กรกฎาคม 2021 (1)
- มิถุนายน 2021 (2)
- พฤษภาคม 2021 (1)
- มีนาคม 2021 (4)
- กุมภาพันธ์ 2021 (4)
- ธันวาคม 2020 (4)
- พฤศจิกายน 2020 (1)
- มิถุนายน 2020 (1)
- เมษายน 2020 (1)