คุณเคยรู้สึกไหมว่าแอปพลิเคชันที่เราใช้ในทุกวันนี้ มัน "รู้ใจ" เรามากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยต้องคอยกดสั่งทุกอย่างเอง กลายเป็นว่าแอปฯ สมัยนี้สามารถแนะนำหนังที่เราน่าจะชอบ คัดเลือกเพลงที่ใช่ให้เราฟัง หรือแม้กระทั่งบอกเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อหนีรถติด ได้โดยที่ไม่ต้องรอเราขอให้ช่วยหาแต่อย่างใด
Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า intelligent applications เป็นหนึ่งใน 10 แนวโน้มเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ยอดนิยมในปี 2024 ที่ผ่านมา สิ่งนี้ได้ฉายภาพให้เห็นว่าในอนาคตเราจะได้ใช้แอปฯ อันชาญฉลาดและรู้เรื่องของเรามากขึ้นเรื่อยๆ
ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือยุคของ intelligent app หรือแอปพลิเคชันอัจฉริยะ ที่ไม่ได้ทำงานแบบรอรับคำสั่งเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาทำงานเชิงรุกและปรับตัวให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคน หรือที่เราเรียกกันว่า personalized ได้อย่างน่าทึ่ง ในบทความนี้ Seven Peaks จะพาไปเจาะลึกว่า intelligent app คืออะไร ทำไมแอปฯ ถึงฉลาดได้ขนาดนี้ และเทคโนโลยี AI กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกดิจิทัลไปอย่างไร
เบื้องหลังความฉลาดที่ทำให้ intelligent app แทบจะอ่านใจผู้ใช้งานได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากนวัตกรรมหรือชุดความรู้ดั้งเดิม แต่เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำหลายอย่างเข้าด้วยกัน โดยมีเทคโนโลยีหลักที่เป็นหัวใจสำคัญดังนี้
ในตอนนี้มีแอปพลิเคชันที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและใช้งานกันอยู่เป็นประจำ แท้จริงแล้วนั้นเป็น intelligent app ที่มีเทคโนโลยี AI คอยช่วยประมวลผลรวมถึงสนับสนุนการทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงของผู้ใช้งานมากขึ้น
เคยสงสัยไหมว่าทำไม Netflix, YouTube หรือ Spotify ถึงแนะนำหนัง ซีรีส์ หรือเพลงใหม่ๆ มาให้เราได้ตรงใจตลอด? นั่นเพราะ AI กำลังเรียนรู้พฤติกรรมการดูและฟังของเรา เพื่อวิเคราะห์และคัดเลือกคอนเทนต์ที่คิดว่าเราจะต้องชอบหรือกำลังมองหาอยู่มาให้นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็น Siri, Google Assistant หรือ Alexa ทั้งหมดนี้คือ intelligent app ที่ใช้เทคโนโลยี NLP ทำให้สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงที่ซับซ้อนและโต้ตอบกับเราได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การค้นหาข้อมูล ตั้งนาฬิกาปลุก หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ในบ้านกลายเป็นเรื่องง่ายดายกว่าที่ผ่านมา
ขาช้อปออนไลน์น่าจะคุ้นเคยกันดี เวลาที่เราเข้าแอปฯ อย่าง Amazon, Shopee หรือ Lazada แล้วเจอสินค้าที่เรากำลังอยากได้พอดี นี่คือผลงานของ AI ที่คอยสังเกตพฤติกรรมการค้นหา การคลิกดู และประวัติการซื้อของเรา เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความสนใจมากที่สุด
แอปฯ แผนที่อย่าง Google Maps หรือ Waze ไม่ได้เป็นแค่แผนที่ดิจิทัลธรรมดาทั่วไป แต่มันคือ intelligent app ที่วิเคราะห์ข้อมูลการจราจรจากผู้ใช้ Big Data จำนวนมหาศาลแบบเรียลไทม์ เพื่อคำนวณและแนะนำเส้นทางที่เร็วที่สุดให้เรา ณ เวลานั้นๆ
ใครที่ใช้ Gmail คงเคยเจอกับฟีเจอร์ Smart Reply ที่แนะนำคำตอบกลับสั้นๆ ให้เรากดได้ทันที หรือการที่ระบบสามารถคัดแยกอีเมลสำคัญออกจากอีเมลขยะและอีเมลโปรโมชันได้อย่างแม่นยำ ฟีเจอร์เหล่านี้ล้วนขับเคลื่อนด้วย ML ที่เรียนรู้และช่วยให้เราจัดการกับอีเมลจำนวนมากได้ง่ายขึ้น
intelligent app ไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความได้เปรียบให้กับภาคธุรกิจอีกด้วย โดยเราได้สรุปสิ่งที่น่าสนใจมาให้คุณได้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อมองไปข้างหน้า เทรนด์ของ AI ในอนาคตที่น่าสนใจ จะยิ่งผลักดันให้ intelligent app ฉลาดและเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นไปอีก
ไม่นานมานี้ Seven Peak Software (SPS) ได้จัดงาน “สร้าง intelligent apps ให้ออกมาดีจะต้องวางแผนให้พร้อมเพื่อเปิดตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ที่ตอกย้ำให้เห็นภาพอนาคตของ intelligent apps ในยุคต่อไปว่าเป็นไรอย่างไร ซึ่งมีคุณ Jeremie Tisseau, Chief Design Officer, คุณ Damien Velly, VP of Data and Analytics, และคุณ Leif Mork, VP of Digital Product เหล่าผู้บริหารทั้งสามคนจาก SPS ได้แชร์ข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
intelligent app ไม่ใช่เรื่องของโลกอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่แล้ว การมาถึงของแอปฯ อัจฉริยะเหล่านี้กำลังเปลี่ยนวิธีที่เราทำงาน ใช้ชีวิต และมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวอย่างสิ้นเชิง
สำหรับภาคธุรกิจ นี่คือโอกาสครั้งสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การทำความเข้าใจและนำศักยภาพของเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในการพัฒนา Digital Product คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาธุรกิจของคุณให้เติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การที่หลายองค์กรนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพียงผิวเผินเป็นแค่ "ฟีเจอร์เสริม" หรือ "ส่วนที่วางซ้อน" (AI as a Layer) บนระบบเดิมนั้นเป็นแนวทางที่มีข้อจำกัด เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ AI ไม่ได้เข้าใจบริบทอย่างครบถ้วนจากข้อมูลที่กระจัดกระจายกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังคงเคยชินกับขั้นตอนการทำงานแบบเดิมๆ และสุดท้ายภาระการตัดสินใจก็ยังคงตกอยู่ที่ผู้ใช้อยู่ดี โดยที่ AI ทำได้เพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น
ดังนั้น แนวคิดที่ถูกต้องคือการเปลี่ยนมุมมองและสร้างดิจิทัลโปรดักต์โดยมี AI เป็นแก่นกลาง (AI at the Core) เสมือนเป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถคิด ลงมือทำ และปรับตัวได้เอง ไม่ใช่แค่คอยช่วยเหลือ ซึ่งการวาง AI เป็นศูนย์กลางจะช่วยปลดล็อกศักยภาพสูงสุด โดยระบบจะมีข้อมูลที่ครบถ้วน ทำให้สามารถสร้างกระบวนการทำงานที่ยืดหยุ่นและคาดการณ์ความต้องการล่วงหน้าได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องทำงานที่ซ้ำซ้อนและหันไปให้ความสำคัญกับงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
ที่ Seven Peaks เราเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และ Digital Product ที่ทันสมัย หากคุณกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยนำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ intelligent app ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ ติดต่อเราเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญได้เลยวันนี้