บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

AI มีอิทธิพลกับ Search Engine หรือการทำ SEO มากแค่ไหน

เขียนโดย Seven Peaks - 24 ก.พ. 2025, 3:43:48

คุณเคยไหม เวลาสงสัยอะไรที่มีความซับซ้อนและไปทางแนววิชาการก็มักจะไปถาม AI ชื่อดังอย่าง ChatGPT แทนที่จะเข้าไปค้นหาคำตอบตามผ่านทาง search engine อย่าง Google แบบที่เคยทำมาก่อน นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะข้อมูลล่าสุดโดย SimilarWeb เผยว่ามีผู้ใช้ ChatGPT มากถึงราว 180 ล้านคนในเดือนมีนาคมปี 2024 

จากสถิติที่เห็นอาจทำให้หลายคนคิดว่า Google เบอร์หนึ่งด้านเครื่องมือค้นหาที่คนทั้งโลกใช้งานอาจจะเพลี่ยงพล้ำให้กับ AI น้องใหม่มาแรงอย่าง ChatGPT เพื่อตอบคำถามที่คนทั่วไปรวมถึงบรรดานักการตลาดและเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO สงสัยเกี่ยวกับการทำแคมเปญ SEO ในอนาคต ว่าจะต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนวิธีทำงานหรือไม่และอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น

 

เทคโนโลยี AI อะไรบ้างที่อยู่เบื้องหลังและถูกใช้งานเพื่อการค้นหาข้อมูลโดยเฉพาะ?

มาทำความเข้าใจว่าตอนนี้มี AI อะไรบ้างที่ออกแบบมาสำหรับให้ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลโดยเฉพาะ ไม่ใช่ Generative AI ที่มาในรูปแบบของ ChatBot อย่าง ChatGPT, Claude, Microsoft Bing Chat (Copilot), Google Gemini และอีกมากมาย เพราะความจริงแล้วยังมีเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นและทำงานอยู่เบื้องการค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่มีมากมายอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต

  • BERT

    BERT หรือที่ย่อมาจากคำว่า Bidirectional Encoder Representations from Transformers คือ AI ที่พัฒนาโดย Google AI ซึ่งเป็นโมเดลภาษาที่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำในประโยคต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

  • RankNet

    อีกหนึ่งปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Google AI มีลักษณะเป็นโมเดล AI ที่ใช้สำหรับการจัดอันดับผลการค้นหาตามความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้

  • Semantic Search

    Semantic Search ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี AI ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้เข้าใจความหมายของคำค้นหาที่ผู้ใช้พิมพ์ลงไปในช่อง search query ใน search engine เช่น Google ได้ลึกซึ้งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำหลักที่ตรงกันเป๊ะเพื่อค้นพบผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการจะรู้

  • Question Answering Systems

    QA หรือ Question Answering เป็นระบบ AI ที่สามารถตอบคำถามของผู้ใช้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณคงเคยได้ใช้ Siri ที่ติดตั้งมากับ iPhone หรือ Alexa ซึ่งจะช่วยคุณค้นหาคำตอบที่คุณอยากรู้ได้ในไม่กี่วินาที

  • Visual Search

    การค้นหาด้วยภาพหรือ visual search ถือ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่พวกเขาต้องการด้วยการใช้รูปภาพแทนการพิมพ์ข้อความด้วยตัวเอง โดยเทคโนโลยีนี้มีระบบ AI ที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่การวิเคราะห์ภาพและจับคู่กับข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูล ไม่แน่ว่าคุณอาจเคยใช้ Google Lens, Bing Visual Search, และ Pinterest ที่เป็น visual search มาก่อนก็ได้

SERPs กับ SGE ความเหมือนที่แตกต่าง

ไม่นานมานี้ Google ได้นำเสนอ SGE (Search Generative Experience) ที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับการค้นหาข้อมูลในอนาคต จากเดิมที่การค้นหาข้อมูลใดๆ ก็ตามบน search engine เป็นเรื่องที่ใช้เวลานานกว่าจะเจอข้อมูลที่ต้องการจริงๆ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยเก่งในเรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างกลุ่มคนสูงวัยปวดหัวไม่น้อย แต่ในไม่ช้านี้วิธีการหาสิ่งที่คุณอยากรู้จะสะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม

แต่ก่อนจะไปเข้าใจถึงเรื่อง SGE รวมถึงแนวทางการทำงานด้าน SEO ที่เกี่ยวข้องกับนักการตลาด นักเขียน หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มากไปกว่านี้ เราอยากจะขอพาคุณย้อนกลับไปทำความคุ้นเคยกับเจ้าสิ่งที่คนในวงการ SEO รู้จักกันดีอย่าง SERPs ว่ามันคืออะไร และทำงานอย่างไร

SERPs คืออะไร ทำงานอย่างไร?

SERPs ย่อมาจาก Search Engine Results Pages หมายถึงหน้าผลการค้นหาที่แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลบน Search Engine โดยหน้าผลการค้นหาเหล่านี้จะประกอบไปด้วยรายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้ ทั้งนี้ SERPs จะประกอบไปด้วย

  • รายการเว็บไซต์: ที่แสดงรายชื่อเว็บไซต์จำนวนมาก พร้อม title tag, meta description และ URL ของเว็บไซต์
  • ส่วนแสดงข้อมูลเพิ่มเติม: SERPS จะมีการแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตามหาสิ่งที่พวกเขาต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอรูปภาพ และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่กำลังค้นหา
  • ฟีเจอร์ต่างๆ: เช่น การค้นหาด้วยเสียง การค้นหารูปภาพ การแปลภาษา ถือเป็นหนึ่งในบรรดาฟีเจอร์ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้สามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น ด้วยการป้อนข้อมูลเพื่อให้ search engine ทำการวิเคราะห์และนำเสนอผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงมากที่สุด

SGE คืออะไร ทำงานอย่างไร?

SGE หรือ Search Generative Experience เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ Google คิดค้นขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ในการค้นหาข้อมูลผ่านทางโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้นให้กับผู้ใช้ทุกกลุ่ม ด้วยการใช้ generative AI เพื่อสร้างคำตอบที่ตรงกับคำถามขึ้นมาทันที โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์แต่อย่างใด พร้อมทั้งมอบคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับคำถาม รวมถึงแหล่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ระบบดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล 

หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ SGE ถือว่ามีวิธีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ถ้าไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงโครงสร้าง กระบวนการทำงาน และรูปแบบการวิเคราะห์ต่างๆ โดย SGE จะส่งคำค้นหาที่ผู้ใช้ป้อนเข้าสู่ระบบไปให้ใช้ AI ดำเนินการวิเคราะห์คำค้นหาของผู้ใช้ พร้อมทั้งทำความ เข้าใจบริบทของคำค้นหา และนำเสนอคำตอบที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่ SGE สามารถทำได้

  • ตอบคำถามได้ตรงประเด็น: SGE จะแสดงผลลัพธ์ที่ประมวลผลจากคำถามโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ เหมือนที่พวกเขาเคยทำบน search engine
  • สรุปเนื้อหาให้เข้าใจง่าย: SGE ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาทั้งหมด พร้อมทั้งแนะนำบทสรุปเนื้อหาอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเพิ่มมากขึ้น
  • สร้างเนื้อหาใหม่: SGE สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้ พร้อมทั้งแสดงออกมาให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายกว่าเดิม

สรุปความแตกต่างของ SERPs และ SGE (AI Overview Results)

หลังจากที่คุณเข้าใจแล้วว่า SERPs กับ SGE (ที่ต่อจากนี้เราจะเรียกว่า AI Overview Results) นั้นคืออะไรและมีรูปแบบการทำงานอย่างไร ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะสรุปความแตกต่างของทั้งสองสิ่งนี้ให้เข้าใจง่ายๆ 

คุณสมบัติ

SERPs

SGE

รูปแบบ

รายชื่อเว็บไซต์

ผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นโดย AI

การแสดงผล

ลิงก์ของเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหา

ข้อมูลสรุปหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา

การใช้งาน

แสดงผลการค้นหาเท่านั้น

ตอบคำถาม สรุปเนื้อหา และสร้างเนื้อหาใหม่

 

ตัวอย่างด้านล่างนี้ ครึ่งบนคือผลลัพธ์ที่ SGE นำเสนอ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมกับทำการสรุปออกมาเป็นเนื้อหาใหม่ให้ผู้ใช้ได้ทำความเข้าใจ ในขณะที่ครึ่งล่างคือผลลัพธ์ที่ได้จาก SERPs ซึ่ง search engine จะดึงข้อมูลของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาตรงกับคำค้นหามาแสดงไว้ และในรูปคือ Featured Snippets ที่ Google คิดว่าเป็นเนื้อหาสรุปที่ครอบคลุมและดีที่สุด

5 สิ่งที่นักการตลาดและผู้เชี่ยวชาญ SEO ต้องเตรียมพร้อมในยุคที่ AI หรือ SGE กำลังมาแรง

ในยุคที่ AI ของ Google อย่าง SGE ได้ถูกพัฒนาจนเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อรูปแบบและวิธีการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดานักการตลาดและผู้เชี่ยวชาญ SEO เอง จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะการสร้างคอนเทนต์ให้โดดเด่นและแข่งขันได้นั่นเอง มาดูว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อเกาะติดไปกับกระแส SGE นี้ได้บ้าง

1. เข้าใจ SGE และ AI ให้มากขึ้น

  • เรียนรู้หลักการทำงานของ SGE: เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่า SGE มีรูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลรวมถึงสร้างผลลัพธ์อย่างไร เพื่อที่คุณจะได้นำไปปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับสิ่งที่ SGE จะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปใช้
  • ติดตามเทรนด์ AI สม่ำเสมอ: อัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่เกี่ยวข้องกับ search engine และ SGE  เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์คอนเทนต์และ SEO ที่เกี่ยวข้อง
  • ทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้: ควรวิเคราะห์ว่าผู้ใช้ค้นหาข้อมูลอะไรบ้าง และต้องการคำตอบแบบไหน เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมทั้งเตรียมคีย์เวิร์ดหลักที่ใช่เพื่อช่วยให้ AI หรือ SGE นำข้อมูลของคุณไปใช้เป็นแหล่งอ้างอิง

2. สร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์

  • เน้นเนื้อหาที่เจาะลึก: วิธีที่ได้ผลมาเสมอมาสำหรับการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ก็คือการสร้างคอนเทนต์ที่ให้ข้อมูลครบถ้วน เจาะลึกถึงสิ่งที่นำเสนอ และมีคุณค่าต่อผู้ใช้มากที่สุด
  • ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ: การเขียนคอนเทนต์ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาที่เป็นกันเอง และสื่อสารได้อย่างชัดเจน รวมถึงเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้ผู้ใช้อยากที่จะใช้เวลาอ่านและอยู่กับคอนเทนต์ของคุณมากกว่าเดิม
  • สร้างความแตกต่าง: พยายามทำให้คอนเทนต์ของคุณโดดเด่นจากคู่แข่งที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ ด้วยการนำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ หรือการหยิบยกชุดข้อมูลที่แตกต่างกันแต่มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องต่างๆ ในมุมมองที่ต่างออกไป
  • ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ: สิ่งสำคัญของการเขียนบทความหรือคอนเทนต์ใดๆ ก็ตาม คือต้องตรวจสอบข้อมูลที่นำมาเขียนว่ามีความถูกต้องและอ้างอิงแหล่งที่มาที่มีอยู่จริงและเช็กข้อมูลย้อนหลังได้ เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคอนเทนต์ที่คุณเผยแพร่ออกไป

3. ปรับปรุง SEO ให้สอดคล้องกับ SGE

  • เน้นคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง: ใช้คีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับหัวข้อและความต้องการของผู้ใช้ ทั้ง primary และ secondary keyword ให้กระจายอยู่ทั่วทั้งคอนเทนต์ รวมถึงควรเขียนออกมาให้มีความเป็นธรรมชาติ และอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
  • สร้างโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี: โครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนและง่ายต่อการค้นหาจะช่วยให้ SGE เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น title & meta description, heading, รวมถึงโครงสร้างเนื้อหาที่มีการเรียงลำดับมาเป็นอย่างดี
  • ปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่โหลดได้เร็วจากทุกอุปกรณ์ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะ Google ต้องการมอบประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้นั่นเอง
  • สร้าง backlinks ที่มีคุณภาพ: backlinks จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งการจะดึงดูดให้ผู้อื่นใช้เว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งอ้างอิงนั้น จำเป็นต้องใช้การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของเนื้อหา รูปภาพประกอบ ประเด็นที่นำเสนอ รวมถึงชื่อเสียงที่ดีของเว็บไซต์คุณ

4. สื่อสารกับผู้ใช้ให้เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ

  • ตอบคำถามและข้อคิดเห็น: วิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับผู้ใช้ สามารถทำได้ไม่ยากด้วยการตอบคำถามและข้อคิดเห็นที่ผู้ใช้สงสัย โดยการมอบข้อมูลเพิ่มเติมหรือพูดคุยกับพวกเขาในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
  • ใช้โซเชียลมีเดีย: โซเชียลมีเดียต่างๆ ถือเป็นช่องทางที่ดีที่คุณจะโปรโมทคอนเทนต์ของคุณให้เป็นที่รู้จัก และหากคอนเทนต์ของคุณน่าสนใจจนมีคนมากมายแชร์ไปยังหน้าฟีดส่วนตัวของพวกเขา ก็มีแนวโน้มสูงว่าคอนเทนต์ของคุณจะได้รับการยอมรับจากผู้เป็นจำนวนมาก

5. ติดตามผลและปรับปรุง

  • วิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ: ในยุคที่ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ การที่คุณสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของคอนเทนต์ที่เผยแพร่ออกไปได้อย่างละเอียดและครอบคลุม ก็จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเครื่องมือการทำ SEO อย่าง Ahref, Semrush, หรือ Ubersuggest

SGE จะพลิกโฉมการค้นหาข้อมูลให้ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าที่เคยเป็นมา

คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะปรับกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ การทำ SEO รวมถึงเตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมในยุคที่ AI อย่าง SGE และอื่นๆ อีกมากมายเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้คุณสามารถสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่น เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ มีเอกลักษณ์ และเข้าใจผู้ใช้อย่างแท้จริง เหล่านี้ทั้งหมดจะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณประสบความสำเร็จในระยะยาว

นอกจากนี้ คุณยังควรเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการทำสิ่งเหล่านี้

  • ใช้ AI ช่วยสร้างคอนเทนต์: Chatbot หรือ Generative AI สามารถช่วยคุณคิดหรือสร้างสรรค์ไอเดีย เขียนเนื้อหา และตรวจสอบไวยากรณ์ ได้ง่ายๆ แต่คุณจะต้องตรวจสอบและปรับเนื้อหาเหล่านั้นให้สามารถถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์คุณได้มากที่สุด
  • เรียนรู้เทคนิคการเขียนที่เน้น SEO: การเรียนรู้เทคนิคการเขียนที่เน้น SEO จะช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่เป็นมิตรกับ search engine ด้วยการค้นหา keyword ที่เหมาะสม โครงสร้างเว็บไซต์ที่ใช่ และเรื่องทางเทคนิคยิบย่อยที่ส่งผลถึงประสิทธิภาพโดยรวมของเว็บไซต์
  • ติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ๆ: โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ผลักดันให้คุณต้องติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณอัปเดตความรู้และปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที

แต่หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเรื่องการทำ SEO, การเขียนคอนเทนต์ ทั้งในแบบบทความ, โฆษณา หรือ UX writing ตลอดจน technical SEO และคนที่เข้าใจเรื่อง AI จริงๆ Seven Peaks เรามีทีมนักการตลาด นักเขียน และผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชันต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อโปรเจกต์คุณโดยเฉพาะ ปรึกษาเราตอนนี้