ในการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้น turnkey project คือ ‘ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่พร้อมใช้งาน’ หมายความว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทหนึ่งออกแบบและพัฒนาขึ้นมา แล้วส่งมอบให้ลูกค้าเมื่อซอฟต์แวร์นั้นพร้อมใช้งาน
turnkey project จึงเหมาะกับคนที่อยากได้แอปพลิเคชันมือถือหรือซอฟต์แวร์มาใช้งานแต่ไม่ค่อยมีเวลาหรือประสบการณ์ในการพัฒนาเอง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว turnkey project นั้นเปรียบเสมือนคู่ตรงข้ามของโปรเจกต์พัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
ค่าใช้จ่ายถูกกว่า
โปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์เป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ทำได้ง่ายกว่า
การพัฒนาแอปพลิเคชันในโปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเพราะว่าไม่จำเป็นต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ แค่เลือกซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้วมาปรับแต่งนิดหน่อยก็สามารถใช้งานได้เลย
ทำงานพื้นฐานได้ดี
ซอฟต์แวร์พร้อมใช้ทั้งหลายมักมีฟีเจอร์ดีๆ ที่ครอบคลุมความต้องการพื้นฐานของบริษัทส่วนใหญ่อยู่แล้ว จึงสามารถนำมาใช้ได้ในระดับที่น่าพอใจ
อาจต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน
เนื่องจากโปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์เป็นซอฟต์แวร์ที่พร้อมใช้งานจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานบางอย่างเพื่อให้ใช้งานซอฟต์แวร์นั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจไม่ครอบคลุมความต้องการของธุรกิจครบทุกอย่าง
เป็นไปได้ว่าแอปพลิเคชันที่พร้อมใช้อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณได้ หรือครอบคลุมความต้องการที่มีได้ไม่ครบ
อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จากข้อที่แล้ว หากมีฟีเจอร์ไหนที่ต้องทำเพิ่มก็มีโอกาสที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมา ซึ่งในบางกรณีการปรับแต่งซอฟต์แวร์พร้อมใช้จากโปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์อาจเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไม่มีข้อจำกัด
เนื่องจากซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองเป็นสิ่งที่ทำตามสั่ง ดังนั้น เรื่องของดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานก็สามารถเลือกแบบที่ต้องการได้เต็มที่ และการขยายความสามารถเพิ่มเติมภายหลังก็เป็นไปได้เช่นกัน
ควบคุมได้ตามต้องการ
ซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองทำให้ลูกค้ามีอำนาจมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ได้มากขึ้นนั่นเอง เช่น สามารถควบคุมความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างละเอียด มั่นใจได้มากขึ้นว่าข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องเต็มที่
ค่าใช้จ่ายสูง
การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์ และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาภายหลัง
ใช้เวลานาน
หากเทียบกับโปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์แล้ว การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองจะใช้เวลานานกว่า และใช้ทรัพยากรมากกว่า ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 6 เดือนหรือเป็นปีกว่าจะพัฒนาซอฟต์แวร์จนเสร็จสิ้น
ถ้าหากว่าคุณอยากได้ฟีเจอร์บางอย่างที่ดูเหมือนจะไม่มีในซอฟต์แวร์ทั่วไปในตลาดมาก่อน การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองคือทางเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณมีงบประมาณที่จำกัด ก็ควรเลือกซอฟต์แวร์แบบเทิร์นคีย์แทน
Seven Peaks Software มีทั้งบริการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง และซอฟต์แวร์แบบเทิร์นคีย์ให้คุณเลือกได้ตามความต้องการ โปรเจกต์แบบเทิร์นคีย์ของเราจะมีความแตกต่างจากของเจ้าอื่นเล็กน้อยตรงที่เราจะพยายามลบข้อเสียของการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเทิร์นคีย์ออกไปให้มากที่สุด ซึ่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราจะพัฒนาซอฟต์แวร์ตามความต้องการของลูกค้าโดยที่ยังอยู่ในงบประมาณอันจำกัดได้
โดยสรุปแล้ว ถ้าคุณเข้าใจความแตกต่างว่าโซลูชันแบบ turnkey project คืออะไร และโซลูชั่นแบบกำหนดเอง คืออะไร ก็จะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าแนวทางพัฒนาซอฟต์แวร์แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของบริษัทคุณ
turnkey project คือตัวเลือกที่ดี หากฟีเจอร์ที่มีอยู่ในตลาดตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณได้ดีอยู่แล้ว เพราะจะช่วยให้คุณประหยัดได้ทั้งเวลาและงบประมาณ
แต่ถ้าหากมีฟีเจอร์ที่คุณต้องการเพิ่มเติม หรือไม่ต้องกังวลกับระยะเวลาของโปรเจกต์ การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า