Android 12 เป็นการอัปเดตที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2021 โดยมีฟีเจอร์สำหรับการปรับแต่งที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม พร้อมดีไซน์ใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย
การออกแบบใหม่ของ Google จะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ Android ทุกชิ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของแอปฯ ใน Google Workspace เช่น Gmail, Calendar, Meet, Drive, Docs, Sheets, และ Slides
ในบทความนี้ เราได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่เราจะได้เห็นเกี่ยวกับอัปเดต Android 12 มาจากคุณ Dmitrii Afonin ซึ่งเป็น Android Tech Lead ที่ Seven Peaks Software
สิ่งที่จำเป็นต้องมี:
แนะนำให้เตรียมสิ่งต่อไปนี้:
RenderEffect ตัวใหม่นำเอาเอฟเฟกต์ที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่าง เช่น ภาพเบลอ ฟิลเตอร์, shader effect, RenderEffect มาใช้, รวมถึง Views และลำดับชั้นของการเรนเดอร์
อุปกรณ์ Android จำนวนมากที่มีอยู่ในท้องตลาดอาจไม่รองรับฟีเจอร์นี้เนื่องจากประสิทธิภาพในการประมวลผลที่จำกัด
Android 12 สามารถแปลงไฟล์วิดีโอที่บันทึกไว้ในเครื่องในฟอร์แมต HEVC(H.265) และ HDR (HDR10 และ HDR10+) ไปเป็นไฟล์ AVC (H.264) ได้ ซึ่งเป็นฟอร์แมตที่มีการรองรับกับเครื่องเล่นมาตรฐาน
การใช้งานด้าน bandwidth estimation ที่ทำงานโดยฟังก์ชัน getLinkDownstreamBandwidthKbps() และ getLinkUpstreamBandwidthKbps() นั้นได้รับการปรับปรุงทั้งสำหรับไวไฟและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
ค่าที่ส่งคืนมาตอนนี้แสดงถึง all-time weighted average throughput ของผู้ใช้ต่อสัญญาณมือถือ, WiFi SSID, ประเภทเน็ตเวิร์ก, และระดับสัญญาณ, ในทุกแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เครื่องนั้น
มีข้อยกเว้นบางอย่างอยู่ตรงที่แอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังไม่สามารถเริ่มการทำงานของ service ที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าได้อีกต่อไปแล้ว หากพยายามทำแบบนั้นจะเกิดข้อยกเว้นได้ในกรณีต่อไปนี้
ถ้าแอปฯ ของคุณต้องการใช้ Android 12 และมี activity, service, หรือ broadcast receiver ที่ใช้ intent filter คุณจำเป็นต้องประกาศ android:exported attribute แบบ explicit ให้กับ component เหล่านี้ มิฉะนั้น แอปฯ จะไม่สามารถติดตั้ง Android 12 ได้
Activity ไม่สามารถเริ่มจาก service หรือ broadcast receiver ที่ทำตัวเหมือนเป็น notification trampoline
แอปฯ ที่ต้องการใช้งาน Android 12 ไม่สามารถเริ่มการทำงานของ activity จาก service หรือ broadcast receiver ที่ถูกใช้เป็น notification trampoline ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หลังจากที่ผู้ใช้กดที่ notification หรือกดที่ action button ใน notification แอปฯ ของคุณจะไม่สามารถเรียก startActivity() ใน service หรือ broadcast receiver ได้
สามารถแก้ไขได้ด้วยการสร้าง PendingIntent object ที่ทำงานร่วมกันกับ activity ที่ผู้ใช้จะมองเห็นหลังจากที่กดดู notification
ก่อนหน้านี้ custom notification นั้นสามารถใช้พื้นที่ของ notification ทั้งหมดได้และมีเลย์เอาต์รวมถึงสไตล์เป็นของตัวเอง
สำหรับแอปฯ ที่ต้องการใช้ Android 12 notification ที่มี custom content view จะไม่สามารถใช้งานพื้นที่ notification ทั้งหมดได้แล้ว แต่ระบบจะนำเทมเพลตมาตรฐานไปใช้แทน
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด ซึ่งทำให้ผู้คนส่วนใหญ่อยากดาวน์โหลดมาใช้ก็คือ Material You design
Google ยังรู้ด้วยว่าอัปเดต Android 12 คือการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Android เลยทีเดียว
ยังมีสีสันและรูปทรงที่น่าสนุกอีกมากมายให้ลองเล่นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แปลกตรงที่มันเป็นอัปเดตที่ทำให้วิดเจ็ตกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
อัปเดต Android 12 ไม่ได้พยายามจะมาเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้มือถือของคุณ แต่ Google ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สมาร์ตโฟน Android จำนวนมากดูมีเอกลักษณ์ในมือของผู้ใช้ยิ่งขึ้นนั่นเอง