การออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์(โดยเฉพาะเมื่อเป็นช่วงของการออกแบบในวงจรพัฒนาซอฟต์แวร์)นั้นเป็นส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้เทคโนโลยีและหลักการอย่างต่อเนื่อง เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดเทรนด์ของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรากำลังจะพูดถึงในบทความนี้
คุณจำได้ไหมว่ามือถือเครื่องแรกของคุณหน้าตาเป็นอย่างไร? หรือยุคสมัยก่อนที่จะมีแอปพลิเคชันมือถือและการซื้อของออนไลน์นั้นเราอยู่กันอย่างไร
ในทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย เช่น หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์, สมาร์ตโฮม, แอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ เป็นต้น เทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในแต่ละปีที่ผ่านไป
การผสมผสานระหว่างแอปพลิเคชันมือถือกับเว็บแอปพลิเคชันจนกลายเป็นไฮบริดแอปพลิเคชันนั้นแตกต่างจากแอปพลิเคชันมือถือทั่วไปอย่างสิ้นเชิง Service Worker คือสคริปต์หนึ่งในการสร้างเว็บแอปพลิเคชันที่ทันสมัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของแอปฯ เหล่านี้
ข้อดีที่ชัดเจนก็คือ แอปฯ เหล่านี้สร้างและดูแลรักษาได้ง่าย ทั้งยังโหลดเร็วขึ้นแม้ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ เมื่อเทียบกับแอปฯ รุ่นเก่าๆ
การเติบโตของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ทำให้เฟรมเวิร์กและภาษาที่ใช้นั้นส่งผลกระทบต่อเทรนด์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เช่นกัน
ในยุคนี้ JavaScript และเฟรมเวิร์กอันหลากหลายของมันคือเครื่องมือสำคัญที่ full-stack developer ทั้งหลายนำไปใช้ ซึ่งมีการนำไปปรับใช้กับแอปพลิเคชันแบบไฮบริดเช่นกัน
ถ้าคุณรู้ว่าควรเลือกใช้ภาษาไหนในโปรเจกต์พัฒนาซอฟต์แวร์ล่ะก็ เท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เราแนะนำว่าคุณควรเปรียบเทียบหลายๆ ภาษาจากข้อมูลทางสถิติในแบบสำรวจของ Stack overflow เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการออกแบบและรู้ว่า requirement นั้นแบ่งออกเป็นอะไรบ้าง
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณคาดการณ์ได้ว่าระยะเวลาของโปรเจกต์พัฒนาซอฟต์แวร์จะเป็นอย่างไร รู้ว่างานที่ทำเป็นระดับไหนและต้องใช้ทรัพยากรอะไรบ้างถึงจะทำให้งานเสร็จทันเวลา
ในช่วงของการออกแบบในวงจรพัฒนาซอฟต์แวร์นั้น สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดเวิร์กโฟลว์และดีไซน์ที่ต้องการสำหรับโปรเจกต์นี้
Artificial intelligence หรือ AI คือซอฟต์แวร์ที่สามารถคิดอย่างชาญฉลาดได้คล้ายกับมนุษย์ ส่วน machine learning และ deep learning ที่เป็นองค์ประกอบย่อยของ AI นั้นก็ได้รับความนิยมในหลายธุรกิจเช่นกัน
มีบริษัทหลายแห่งจากหลายสาขาธุรกิจได้นำ machine learning ไปใช้ร่วมกับระบบนิเวศของพวกเขา
การใช้งาน AI ทำให้บริษัทมากมายสามารถปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานและกระบวนการทำงานโดยรวมได้ ซึ่ง Amazon, Google, Facebook, และ Microsoft คือตัวอย่างที่ดีของการลงทุนใน AI ที่ประสบความสำเร็จ
เนื่องจากเทรนด์ของ AI ทำให้เครื่องจักรตัดสินใจอย่างมีเหตุผลได้ ความนิยมของ machine learning ในตอนนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามกันไป
machine learning สามารถปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างอัตโนมัติด้วยการรวบรวมความรู้จากหลายแหล่งข้อมูลแล้วใช้มันในการคำนวณและทำงานขั้นสูง
ธุรกิจต่างๆ จึงจับตาดูการเติบโตของ deep learning ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ให้มีความแม่นยำขึ้น, ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น, และลดความเสี่ยงได้
Internet of Things นั้นหมายถึงอุปกรณ์หลากหลายชนิดที่เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งพวกมันกำลังขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
จากการคำนวณของ David Evan ซึ่งเป็นนักวิจัยของ CISCO ระบุว่าทุกวินาทีจะมีอุปกรณ์ใหม่ 127 ชิ้นที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลของ Statista ระบุว่าจำนวนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจาก 23,140 ล้านเครื่องในปี 2018 เป็น 26,660 ล้านเครื่องในปี 2019 ส่วน PWC คาดการณ์ว่า กว่า 90% ของยานพาหนะทั้งหมดจะมีการใช้งาน IoT ในปี 2020
IoT ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถควบคุมอะไรหลายอย่างในชีวิตได้เต็มที่ และทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการเวิร์กโฟลว์ได้ดีขึ้น
IoT ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถลดต้นทุนด้านแรงงาน, แก้ไขปัญหาโลจิสติกส์, ปรับปรุงการให้บริการลูกค้า, เพิ่มความโปร่งใสให้ขั้นตอนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม, ไปจนถึงการทำให้ธุรกรรมทางการเงินของลูกค้ารวดเร็วขึ้นด้วยการแยกกระบวนการทำงานออกเป็นส่วนย่อยๆ
ตลาดเอาต์ซอร์สนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากในแต่ละปี
จากข้อมูลของ Statista ระบุว่าตลาดนี้มีมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
อุตสาหกรรม IT มีบริการเอาต์ซอร์สมากมาย ซึ่งบริษัทต่างๆ หันมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดต้นทุนและทรัพยากรในปี 2019 แต่อย่าลืมว่า requirement ของการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้บริการเอาต์ซอร์สแบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์และต้องสั่นคลอน
แทบทุกสาขาธุรกิจในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นการเงินหรือการดูแลสุขภาพนั้นกำลังมองหาบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยทีมงาน full-stack developer ในการทำภารกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท
เราเชื่อว่าแนวทางที่ดีที่สุดที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีก็คือการจ้างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์มาช่วยงานส่วนนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการทำ IT outsourcing
ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์คือทีมงานมืออาชีพที่ทำงานให้คุณ โดยคุณสามารถบริหารจัดการได้เต็มที่เหมือนกับทีมงานของบริษัทคุณเอง และเป็นแนวทางที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป