บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

Seven Peaks บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เติบโตในไทยอย่างรวดเร็ว

เขียนโดย Seven Peaks - 12 มี.ค. 2021, 5:42:00

 

 

Seven Peaks Software ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 ในประเทศไทย โดยเริ่มจากบริษัทสตาร์ตอัปเล็กๆ ก่อนที่จะกลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากการเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว Seven Peaks Software ยังมีการเพิ่มบริการให้เลือกใช้อีกมากมาย ด้วย ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ UX/UI, โซลูชันคลาวด์, การทำ QA testing, และการตลาดดิจิทัล

เส้นทางการเติบโตของ Seven Peaks Software ทำให้ทีมงานของเราประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับพวกเขา รวมถึงคนรอบข้าง เพราะมันเป็นการเดินทางที่เกินความคาดหมายจริงๆ

บริการทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราเป็นทั้งโมเดลธุรกิจของเราและรูปแบบการทำงานที่เราพร้อมช่วยเหลือคุณ เพื่อให้คุณได้มีทีมงานมืออาชีพเพื่อทำตาม requirement ของโปรเจกต์และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

กระบวนการคิดงานและกลยุทธ์ในการออกแบบ UX/UI ของทีมนักออกแบบที่บริษัทเรา นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจดีว่าวงจรการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือควรเป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้โปรเจกต์ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ของคุณประสบความสำเร็จ

“ตอนที่ Seven Peaks Software เริ่มต้นเมื่อปี 2557 ผมมองว่ามันเป็นแค่ธุรกิจที่เอาไว้หารายได้เลี้ยงชีพ ไม่ได้โฟกัสว่าเราจะต้องทำอะไรดี ด้วยความสัตย์จริง ตอนนั้นผมไม่คิดว่าเราจะสร้างคุณค่าที่แตกต่างอะไรออกมาเลย อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้รู้ว่าผมคิดผิด เพราะความต้องการในประเทศไทยนั้นสูงมาก และมันก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วย” – คุณ Jostein Aksnes CEO ของ Seven Peaks กล่าว

แรกเริ่มเดิมที Seven Peaks Software ก่อตั้งโดยชาวนอร์เวย์ ได้แก่ คุณ Jostein Aksnes, คุณ Roy Ivar Moe, และคุณ Leiv Fasmer (Apphuset) ซึ่ง Apphuset คือบริษัทที่มาจากนอร์เวย์ และพวกเขามีลูกค้าชาวไทยอยู่ที่นี่ การที่เราเป็นบริษัทที่เจ้าของไม่ใช่คนไทยถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจจริงๆ

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า Seven Peaks Software ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทในไทยเนื่องจากปกติแล้วบริษัทเหล่านี้มักจะนิยมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์เล็กๆ ในไทยมาร่วมงานกันมากกว่า

Seven Peaks Software ร่วมงานกับบริษัทจากทั่วโลกเพราะเรามีชื่อเสียงจากการให้บริการที่เปี่ยมคุณภาพต่อลูกค้าทุกราย

ลูกค้าส่วนใหญ่มักแนะนำ Seven Peaks Software ให้กับบริษัทอื่นๆ และกลับมาร่วมงานกับเราอีกในโปรเจกต์ใหม่ ทำให้กลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นต่อกันมากยิ่งขึ้น

“ล่าสุดเราเพิ่งเริ่มโปรเจกต์ใหม่ไปในกัวลา ลัมเปอร์ แล้วก็กำลังทำโปรเจกต์ให้กับบริษัทในสิงคโปร์กับฮ่องกงด้วย สาเหตุที่ธุรกิจของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเฟื่องฟูก็เพราะว่าลูกค้าแนะนำต่อๆ กันไป และตอนนี้เราก็กำลังมองหาวิธีขยายธุรกิจให้ใหญ่โตขึ้นไปอีก” – คุณ Jostein Aksnes กล่าว

ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไรมาหยุดยั้ง Seven Peaks Software ได้แล้ว แม้แต่วิกฤตโควิด-19 ก็ตาม เพราะในขณะที่บริษัทอื่นต้องเผชิญความยากลำบากในสถานการณ์ที่ผิดปกติเช่นนี้ แต่บริษัทของเราก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจนสามารถคว้าโปรเจกต์ระยะยาวมาทำได้

Seven Peaks Software กำลังมองหาทีมงานคนใหม่ๆ ในหลายตำแหน่ง เนื่องจากเรามีลูกค้าเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องหาคนมาเสริมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้

“เรากำลังทำโปรเจกต์ระยะยาวที่ช่วยให้เราผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ตารางงานของเราก็แน่นมากๆ

ลูกค้าในประเทศไทยมีความมั่นใจมากขึ้นและกล้าใช้เงินมากขึ้น ผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อพวกเราคือเรื่องของทีมงาน เราได้จ้างทีมงานเพิ่มขึ้นอีกเดือนละห้าคนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม หลังจากที่ล็อกดาวน์ เราก็หยุดจ้างงานชั่วคราว” – คุณ Jostein Aksnes เล่าต่อ

การล็อกดาวน์ในประเทศไทยทำให้ทีมงานของ Seven Peaks Software ทำงานจากที่บ้านกันและทำตามมาตรการ social distancing ของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการระบาดของโควิด-19 ได้

ในระหว่างนั้น บริษัทของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงที่เราเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจและทำให้เราเติบโตขึ้นได้ดีในอนาคต

หลังจากที่ทีมงานกลับเข้าออฟฟิศหลังจากหมดโควิดแล้ว บริษัทของเราก็จัดอีเวนต์ (ที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Seven Peaks Speaks) รวมถึงจัดกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมายร่วมกับพนักงาน

สิ่งที่คุณมักจะได้เห็นบ่อยๆ เกี่ยวกับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งส่วนใหญ่ คือ พวกเขาพยายามจะไม่ใช้เวลานานๆ ไม่ลงแรงเยอะ และไม่ใช้เงินลงทุนมากนักกับเรื่องต่างๆ เช่น พื้นที่ทำงานในออฟฟิศและการสร้างแบรนด์ เพราะพวกเขาโฟกัสกับการปลุกปั้นธุรกิจให้เติบโตมากกว่าทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีเงินเหลือมากนักสำหรับเรื่องเหล่านี้ นอกจากนั้นยังต้องจัดการเรื่องส่วนใหญ่ให้คุ้มทุนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับประสบการณ์ช่วงแรกๆ ของ Seven Peaks Software ในประเทศไทยเช่นกันพวกเราเริ่มจากออฟฟิศเล็กๆ ในใจกลางกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท ใกล้กับ BTS สถานีนานา โดยมีทีมงานเพียงแค่ไม่กี่คน พร้อมทั้งงบประมาณที่ต่ำกว่าตอนนี้มากๆ

แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Seven Peaks Software และคุ้มค่าที่จะลงทุนก็คือประสบการณ์ในการทำงานของพนักงานอาวุโสของเรานั่นเอง

แทนที่จะเลือกจ้างทีมงานที่มีประสบการณ์น้อยๆ เพื่อลดต้นทุน แต่เรากลับเลือกที่จะเน้นความน่าเชื่อถือและคุณภาพที่สูงกว่าเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าของเราจะกลับมาใช้บริการเราและให้ฟีดแบ็กที่ดีเกี่ยวกับบริการของเราเสมอ

“เมื่อตอนที่ Seven Peaks Software เพิ่งเริ่มต้น ผมทำงานทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเซลส์, การตลาด, ทำหมดจริงๆ พอเราโตขึ้น หลายๆ สิ่งก็เติบโตขึ้นไปด้วย

ตอนที่เราเริ่มมีลูกค้าในไทยเมื่อประมาณปี 2561 พาร์ตเนอร์ธุรกิจของผมและคุณ Roy Ivar Moe ผู้เป็น CTO ของเราก็ย้ายมาที่กรุงเทพฯ

เขาช่วยให้เราสร้างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาที่นี่ได้และมีหน้าที่เพิ่มขึ้นในการส่งมอบงานให้กับโปรเจกต์ของลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่” – คุณ Jostein อธิบาย

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามคาดก็คือการหาออฟฟิศใหม่ที่ใหญ่และดีกว่าเดิม ซึ่งสามารถรองรับพนักงานที่มีมากขึ้นได้ โดยประเด็นหลักๆ ก็คือการหาตึกออฟฟิศและทำเลที่เหมาะสมในการทำงานมากที่สุด

หลังจากที่เราพบว่าตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดคือตึก The PARQ building Seven Peaks Software ก็ทำการย้ายเข้าไปอยู่ในตึกใหม่ที่มีความเท่และทันสมัยมากๆ แห่งนี้แบบไม่ต้องคิดมาก

ออฟฟิศแบบเปิดที่มีขนาดใหญ่ทำให้ทีมงานอยากเดินไปรอบๆ รวมถึงสนทนาและปรึกษากันสะดวกขึ้น

ทั้งยังได้เห็นวิวสวยๆ ของใจกลางกรุงเทพฯ แบบ 180 องศา พร้อมด้วยสวนสวย ดูแล้วผ่อนคลาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราเลือกอยู่ในชั้น 7 ของตึกนี้ (แถมยังตรงกับการสร้างแบรนด์ Seven Peaks Software อีกด้วย)

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Seven Peaks Software ที่ต้องย้ายออฟฟิศคือการลงทุนที่สูง แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“ออฟฟิศใหม่ช่วยให้เราโดดเด่นขึ้น เพราะเราต้องการที่ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจและเหมาะกับแบรนด์ของเรา

เราต้องการออฟฟิศที่พนักงานทุกคนรู้สึกว่าอยากมาทำงานทุกวัน

พอมองไปรอบๆ ก็จะเห็นว่าทุกคนยิ้มให้กันและมีความสุข การย้ายครั้งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการบ่งบอกว่าตัวตนใหม่ของเราเป็นอย่างไร ทั้งจากภายในและภายนอก” – คุณ Jostein เล่า

ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรได้ดีเท่าการย้ายไปอยู่ออฟฟิศใหม่อีกแล้ว

บริษัทของเรารู้สึกว่านี่คือสถานการณ์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการยกระดับองค์กรด้วยการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีการออกแบบโลโก้ใหม่เพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนนอร์เวย์และคนไทยที่เราสัมผัสได้ดี

ชุดสีที่เราเลือกใช้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน รวมทั้งเลข 7 ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า “Seven” แทน เนื่องจากเลข 7 นั้นไม่ได้อ่านแบบเดียวกันในทุกภาษา และอาจทำให้เกิดความสับสนได้ นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นบริษัทนานาชาติ เราจึงอยากให้ทุกคนอ่านชื่อบริษัทแบบเดียวกันหมดและจำง่ายขึ้น

ในที่สุด Seven Peaks Software ก็รู้ว่าควรก้าวไปในทิศทางใดในอนาคต

“เราต้องการสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพและอยู่เหนือกาลเวลา เมื่อใดที่มีคนเห็นโลโก้ของเรา มาเยี่ยมชมออฟฟิศของเรา หรือได้ยินชื่อ Seven Peaks Software เราก็อยากให้พวกเขาคิดถึงพาร์ตเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ และสามารถทำงานได้ตามที่ตกลง” – คุณ Jostein อธิบาย

อัตลักษณ์ขององค์กรได้เปลี่ยนไปเมื่อเราย้ายเข้าไปในออฟฟิศใหม่และปรับปรุงแบรนด์ให้ดูดีขึ้น คนเริ่มคุ้นเคยกับโลโก้ใหม่อย่างรวดเร็วเนื่องจากเราพยายามทำให้เกิดการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้างในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเรา การเปลี่ยนแปลงจึงผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้นบริษัทของเราก็ยังคงได้รับการว่าจ้างจากลูกค้าในโปรเจกต์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ดีมานด์ที่สูงขึ้นและจำนวนโปรเจกต์ที่มากขึ้นทำให้ Seven Peaks Software จำเป็นต้องเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เราจะก้าวไปในทิศทางที่เหมาะสมเพื่อโฟกัสกับคุณภาพในการทำงานและสามารถดึงดูดคนที่มีความเป็นมืออาชีพและเก่งที่สุดในสายงานของตนเองมาร่วมงาน

“ณ ตอนนี้ เรากำลังหาทางขยายธุรกิจที่เรามีอยู่ซึ่งโฟกัสกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และโปรเจกต์เทิร์นคีย์ เรายังมองหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การตั้งทีมงานเสริมขึ้นมาให้ลูกค้า และขยายขอบเขตของบริการด้านการตลาด สิ่งที่เรามอบให้ลูกค้ามักมีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้นเราจึงต้องปรับปรุงให้บริการของเรามีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น” – คุณ Jostein กล่าว

ถัดจากเรื่องนั้นก็คือความสำคัญในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพราะอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และดิจิทัลเทคโนโลยีนั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ความรู้และทักษะที่สั่งสมมาในประวัติศาสตร์ขนาดย่นย่อนี้ทำให้ Seven Peaks Software สามารถกลายเป็นองค์กรที่ใหญ่และดีขึ้นได้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ตาม

การเติบโตของบริษัทซอฟต์แวร์อย่าง Seven Peaks Software นั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและดีกว่าที่เราจินตนาการเอาไว้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราใช้เวลาในการสร้างพื้นฐานที่ดีก่อน จากนั้นจึงหาคนเพิ่มเพื่อให้สามารถรองรับงานได้มากขึ้นและคว้าโอกาสที่ต้องการได้

“ในอดีตนั้น การจ้างงานของเราจะทำตามดีมานด์จากลูกค้าและความจำเป็นในการเพิ่มกำลังการผลิต แน่นอนว่ามันก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน เป้าหมายของเราในตอนนี้คือการเพิ่มทั้งกำลังการผลิตและจำนวนทีมงานเพื่อเติบโตต่อไป” – คุณ Jostein สรุปทิ้งท้าย