เทรนด์ IT outsourcing นั้นกำลังเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากมายในหลายธุรกิจทั่วโลก ตั้งแต่สตาร์ตอัปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ บริษัทหลายแห่งจึงนำบริการ IT outsourcing มาปรับใช้กับโครงสร้างองค์กรของตัวเอง
โดยทั่วไปแล้วบริการ IT outsourcing หมายถึงการจ้างบริษัทอื่นทำการวางแผนสำหรับทีมงาน IT ให้แทนเรา
ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการส่งพนักงานหรือสินทรัพย์จากบริษัทดังกล่าวมายังบริษัทที่ว่าจ้าง คล้ายกับโมเดลทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Seven Peaks นั่นเอง
คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมบางบริษัทที่สามารถบริหารจัดการงานด้าน IT ได้ด้วยตัวเองถึงเลือกที่จะใช้วิธีเอาต์ซอร์ส นี่คือเหตุผลว่าทำไม
AI, ระบบอัตโนมัติ, และ Internet of things (IoT) จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมาเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าทั่วโลก ระบบแชตบอตที่ควบคุมโดย AI จะพลิกโฉมของกระบวนการทำงานต่างๆ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการปฏิบัติงานของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมหรือโรงพยาบาล ก็จะหันมาใช้งานมันมากขึ้น
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ได้เร่งความต้องการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิมของธุรกิจต่างๆ เนื่องจากมันช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากกว่าเดิม
คนรุ่น millennial ถึง 70% พอใจกับการโต้ตอบกับแชตบอต ทำให้แชตบอตกำลังจะมาแทนที่มนุษย์ในการให้บริการคำแนะนำแก่ลูกค้าออนไลน์ การใช้ AI นั้นมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นลดเวลาที่ลูกค้าต้องรอคอย, การบริหารลูกค้าสัมพันธ์, และลดโอกาสที่จะเกิด human error ได้ดี
แม้ว่าข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มีบริษัทมากมายที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มากเท่าที่ควร เพราะนอกจากเทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว อาชญากรรมทางไซเบอร์ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับปัญหานี้ ซึ่งทำให้ธุรกิจทั้งหลายนำนโยบายด้านประกันภัยทางไซเบอร์มาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลที่อยู่บนโลกออนไลน์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่ทำให้ความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเมื่อธุรกิจปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ ข้อมูลของพวกเขาก็จะปลอดภัยจากแฮกเกอร์และการโจรกรรมข้อมูลมากขึ้น
ข้อมูลส่วนใหญ่ในยุคนี้ถูกจัดเก็บไว้บนคลาวด์เพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น ทั้งยังเป็นการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อปกป้องอีกชั้น และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับการเก็บข้อมูลเอาไว้เองวิธีนี้จึงเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีกว่า, ช่วยลดต้นทุน, และใช้งานง่ายขึ้น
ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติงในตอนนี้มีมูลค่ารวมกันว่า 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการที่ตลาด Software-as-a-Service (SaaS) กำลังเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละปี เราจึงคาดว่าตลาดคลาวด์คอมพิวติงทั่วโลกในอนาคตอันใกล้นี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 411,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว!
ความเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G คือจุดขายสำคัญที่สุดของการใช้งาน 5G
สังคมโลกจะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เร็วและทรงพลังมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมันช่วยให้บริษัททั้งหลายสามารถสร้าง smart city เต็มรูปแบบที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้ โดย 5G จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ต่อโครงสร้างพื้นฐานทาง IT ในระดับโลก
นับจากวันที่เครือข่าย 5G ได้เริ่มเปิดให้ใช้งาน สิ่งนี้ก็ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อทั้งในแวดวงยานยนต์, augmented reality/virtual reality (AR/VR), เครือข่ายมือถือ, โทรคมนาคม, และอุตสาหกรรมดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่ออุตสาหกรรมต่างๆ มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ธุรกิจที่ใช้วิธีเอาต์ซอร์สเพื่อจ้างทีม IT ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก็มีเพิ่มขึ้นตามมา
ตลาด IT outsourcing ทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 ซึ่งแสดงถึงสัญญาณของการเติบโตอย่างมั่นคงของอุตสาหกรรม IT ในอนาคตอันใกล้
ปัจจัยเหล่านี้ต่างก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเทรนด์ IT outsourcing ขึ้นมา
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ FinTech นั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับนวัตกรรมทางการเงินมากขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเทคโนโลยีด้านการธนาคารและบริการทางการเงิน นวัตกรรมเหล่านี้จึงบีบให้บริการทางการเงินต้องปรับตัวตาม บางบริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจ, การสร้างคุณค่า, และกระบวนการด้านการตลาดเพื่อก้าวตามให้ทันความต้องการของตลาด เนื่องจากมีดีมานด์ของเทคโนโลยีบล็อกเชน, ดิจิทัลแบงก์กิ้ง, และโซลูชันจาก AI ที่สูงมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยสามารถทำจากที่ไหน เมื่อไร ก็ได้ทั้งนั้น
FinTech สามารถสร้างระบบนิเวศที่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งธุรกิจทั้งหลายสามารถนำมันมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังได้เมื่อมีเทคโนโลยีออกมารองรับมากขึ้น ตลาด FinTech ทั่วโลกนั้นได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตจนมีมูลค่าสูงกว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
พัฒนาการของธุรกิจดิจิทัลในอุตสาหกรรมด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเกินคาด ส่งผลให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปปรับใช้กับระบบของตนเองอย่างรวดเร็วเพื่อนำหน้าคู่แข่ง รวมถึงทำให้เวิร์กโฟลว์ของการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น IT outsourcing ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ยังช่วยลดต้นทุนได้ 30-60%
มันมีคุณค่าทั้งต่อภายในและภายนอก เพื่อช่วยให้ผู้บริการมั่นใจว่าคนไข้จะได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจึงส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
มีการคาดการณ์กันว่า ในปี 2027 IT outsourcing ในตลาดการดูแลสุขภาพจะมีมูลค่าสูงถึง 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งบวกกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, คลาวด์คอมพิวติง, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ฉลาดขึ้น การเอาต์ซอร์สในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพจึงมีแต่จะได้รับความนิยมสูงขึ้น
การใช้เทคโนโลยีไร้สายช่วยให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับคนอื่นได้เร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม ผู้บริโภคกำลังมองหาการเชื่อมต่อที่เร็วยิ่งขึ้น นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อนั้นกำลังได้รับการคิดค้นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IoT, augmented reality, AI ใน smart city และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โทรคมนาคมกลายเป็นอนาคตของ IT ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนได้มากขึ้น
ในตอนนี้ 5G จะกลายเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งอนาคตที่ทำให้เครือข่ายอีกมากมายเชื่อมต่อกันได้ เพื่อวิดีโอที่มีคุณภาพสูงขึ้น, ระบบ virtual reality ที่มีรายละเอียดมากขึ้น, รวมถึงเครือข่ายข้อมูลของระบบขนส่งที่ทำงานได้เต็มรูปแบบ
IoT จะเชื่อมต่ออุปกรณ์อีกมากมายเพื่อให้พวกมันทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ซึ่งจะทำให้ smart city กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารระหว่างระบบ IoT ขนาดมหึมาได้
Offshore outsourcing: หมายถึงการเอาต์ซอร์สทีมงานจากบริษัทผู้ให้บริการที่อยู่ใน time zone ที่ห่างไกลกัน โดยที่ตั้งของบริษัทผู้ให้บริการมักจะอยู่ใน time zone ที่ไกลออกไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเนื่องจากสามารถขยายทีมงานได้มากกว่ารูปแบบอื่นๆ
Nearshore outsourcing: การเอาต์ซอร์สจากบริษัทที่อยู่ใน time zone ห่างกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง มีความคล้ายกับ offshore outsourcing ตรงที่การเอาต์ซอร์สรูปแบบนี้สามารถช่วยเรื่องทรัพยากรบุคคลได้ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน
Onshoring: การเอาต์ซอร์สจากบริษัทที่อยู่ภายในประเทศเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้มีต้นทุนในการดำเนินการและค่าแรงที่ต่ำลง รูปแบบนี้จะไม่มีความแตกต่างเรื่องของ time zone ระหว่างผู้ให้บริการกับลูกค้า
Homeshoring: การเอาต์ซอร์สให้บริษัทที่อยู่ภายในประเทศเดียวกันและเป็นการจ้างพนักงานให้ทำงานจากที่บ้าน ซึ่ง IT outsourcing รูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
Multisourcing: เป็นรูปแบบการจ้างที่ใช้ทีมงานเอาต์ซอร์สจากผู้ให้บริการหลายๆ เจ้าพร้อมกันในการหาคนทำงานในแต่ละแผนก เช่น ฝ่ายบริการลูกค้าจากผู้ให้บริการเจ้าหนึ่ง ฝ่ายการตลาดจากอีกบริษัทหนึ่ง และฝ่ายออกแบบจากอีกบริษัทหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการจ้างผู้ให้บริการเดียวได้ และเกิดการแข่งขันด้านราคา ซึ่งอาจช่วยให้ต้นทุนลดลง
ไม่ว่าสถานที่ตั้งของบริษัทเหล่านี้จะอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นการทำ IT outsourcing ของพวกเขาได้ บริษัทมากมายเลือกใช้บริการเอาต์ซอร์สจากบริษัทที่อยู่ต่างประเทศเพื่อลดต้นทุน, เสริมสร้างสภาพคล่อง, ทำงานในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้, และเข้าถึงทรัพยากรบุคคลที่หลากหลายขึ้น
องค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลางส่วนใหญ่นั้นใช้วิธีเอาต์ซอร์สทีมงานบางส่วนอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นเทคนิคด้านการตลาดที่ช่วยให้พวกเขาสามารถดึงดูดลูกค้าได้ รวมถึงทำให้ธุรกิจของพวกเขามั่นคงยิ่งขึ้น
บริษัทขนาดเล็กสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางทำงาน, บริการ, และเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เร็วกว่า เนื่องจากความคล่องตัวขององค์กร ซึ่งเหมาะสมกับบริการ IT outsourcing ที่ใช้วิธีการทำงานแบบ Lean และ Agile ซึ่งช่วยให้พวกเขามีความโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาดที่อยู่ในภาวะอิ่มตัว รวมทั้งเป็นการเสริมให้ธุรกิจสามารถใช้กลยุทธ์โจมตีทางอ้อมในตลาดอื่นๆ ที่มีโอกาสมากกว่า และไม่ต้องสู้กับเจ้าใหญ่ๆ โดยตรงอีกด้วย
จากข้อมูลของ Clutch.io ในปี 2020 บอกว่า ผู้บริหารธุรกิจขนาดเล็กประมาณ 52% คาดว่าจะใช้วิธีเอาต์ซอร์สทีมงานและบริการของพวกเขาต่อไป ซึ่งในขณะเดียวกัน บริษัทใหญ่ๆ ก็กำลังให้ความสนใจ IT outsourcing น้อยลงไปเรื่อยๆ
โดยพวกเขาลงทุนในด้านคลาวด์คอมพิวติงและเอาต์ซอร์สด้าน SaaS มากขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ่งนี้จะเติบโตขึ้นจนมีมูลค่ากว่า 115,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต
สนใจอยากเอาต์ซอร์สทีมงานแล้วใช่ไหม? ดูบริการทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราเพื่อทำความเข้าใจว่าเราสามารถช่วยคุณพัฒนา digital product โดยใช้วิธีการทำงานแบบ Lean และ Agile ได้อย่างไร