Rafael Loh, Head of Solutions Engineering for APAC ของ Mixpanel จะมาแนะนำวิธีใช้ Mixpanel ในการวิเคราะห์ data event ตั้งแต่การแยกแยะความแตกต่างของ data maturity ไปจนถึงการเพิ่ม engagement กับลูกค้าและทำให้พวกเขากลับมาใช้งานโปรดักต์อย่างต่อเนื่อง
event analytics solution ของ Mixpanel นั้นยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าสามารถทำงานผสานกับ Customer Data Platform (CDP) stack ได้อย่างราบรื่นในทุกรูปแบบการใช้งาน ความสำเร็จที่ Mixpanel ร่วมกันสร้างกับแบรนด์ดังระดับโลกนั้นพิสูจน์ได้จากจำนวนลูกค้ากว่า 8,000 รายทั่วโลกที่มั่นใจในพวกเรา
นวัตกรรมที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Mixpanel ก็คือความง่ายในการใช้งานและสามารถทำงานร่วมกับ data stack เดิมที่ลูกค้าใช้อยู่ได้ เนื่องจากเราต้องการให้ลูกค้าสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าดูที่ การวิเคราะห์ user journey คำถามที่พบบ่อยก็คือ “เราจะมาที่จุดนี้ของ customer journey ได้อย่างไร?” การวิเคราะห์ event มักจะทำให้เรารู้ว่าเส้นทางที่ใช้บ่อยที่สุดอาจไม่ใช่เส้นทางที่ดีที่สุดในการเพิ่ม conversion ให้ถึงขีดสุดเสมอไป
คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมโยงข้อมูลกับ Mixpanel ด้วยวิธีไหน ขึ้นอยู่กับ data maturity ของลูกค้า ซึ่งได้แก่
- ติดตามข้อมูล event ได้ด้วยการใช้ Software Development Kits (SDKs) และ Application Protocol Interfaces (APIs)
- เชื่อมโยงโดยตรงผ่านทาง CDP ซึ่งจะทำให้คุณสามารถสตรีมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมืออื่นจากภายนอก
- Import ข้อมูลมาจาก data warehouse หรือ ผู้ให้บริการคลาวด์ อย่าง Google BigQuery, AWS Redshift, Snowflake, หรือ Databricks ได้
ในฐานะที่ Mixpanel พัฒนานวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เราจึงสามารถให้บริการวิเคราะห์ event ที่ดีที่สุด ทั้งยังมี ecosystem ที่ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์จากหลากหลายสาขาธุรกิจอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดที่มีความท้าทายและแข่งขันสูงอย่างประเทศไทย การมี Seven Peaks ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้รับติดตั้งระบบให้ จึงเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ของเรา แม้ว่า Mixpanel จะมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พร้อมสรรพ แต่เราก็ต้องการคนที่เข้าใจตลาดและรู้ความต้องการของผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราในไทยเป็นอย่างดี
เราเริ่มเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับ Seven Peaks เมื่อปีที่แล้ว และทำให้เห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากในตลาดประเทศไทย หลายบริษัทยังคงใช้งานเครื่องมือใช้ฟรีอย่าง Google Analytics อยู่ ปัญหาก็คือ Google Analytics นั้นยังขาดประสิทธิภาพหลายอย่างที่ธุรกิจต่างๆ ต้องการ โดยเฉพาะบริษัทประเภท BFSI (Banking, Financial Services, Insurance) ขนาดใหญ่
ยกตัวอย่างเช่น Google Analytics ไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้ดู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในเชิงธุรกิจ ถ้าแอปฯ ล่ม คุณก็จะไม่รู้เลยว่าทำไมมันถึงล่ม ซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ BFSI ได้ และอาจทำให้ระบบต้องหยุดชะงักนานกว่าเดิมหากว่าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทัน ลูกค้าของธุรกิจ BFSI นั้นมีความคาดหวังสูงมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากมันเป็นบริการเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของลูกค้า และยังเกี่ยวกับเรื่องเวลาที่ลูกค้าต้องเสียไปด้วย นอกจากนี้การหาลูกค้าใหม่ในหมวดธุรกิจนี้ยังใช้ต้นทุนสูงมาก
Seven Peaks เข้าใจคุณค่าของข้อมูลดีอยู่แล้วจากการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลแบบครบวงจร การร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ Seven Peaks สามารถสร้าง awareness และให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับคุณค่าของข้อมูลได้ด้วยการใช้งาน Mixpanel
ประเทศไทยพัฒนาไปมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลายบริษัทจะเคยใช้โซลูชันแบบครบวงจรมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาก็หันมาใช้ tech stack ชั้นนำ กันมากขึ้นเพื่อให้มีเครื่องมือที่ดีที่สุดในตลาด โดยที่ยังคงมีความยืดหยุ่นอยู่ ด้วยเหตุที่ Mixpanel นั้นรองรับการทำงานร่วมกับเครื่องมือหลากหลาย ทำให้เราสามารถเข้าไปอยู่ในใจกลาง tech stack สำหรับวิเคราะห์ผู้ใช้และ event ได้ บริษัท BFSI จึงสามารถใช้ Mixpanel เพื่อนำไปปรับใช้กับขั้นตอน KYC ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม conversion, เข้าใจ user journey, และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในการใช้งานดิจิทัลโปรดักต์ด้านการเงินให้ดีขึ้น
data maturity ของแต่ละธุรกิจนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ รวมถึงการที่เครื่องมือที่แตกต่างกันทำงานร่วมกันได้ดีแค่ไหนเช่นกัน นอกจากนี้ ความคุ้มค่าในการลงทุนศึกษาและใช้งานเครื่องมือเพื่อให้ได้โซลูชันที่ดีที่สุดก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย
สิ่งที่ลูกค้า BFSI กังวลมากที่สุดคือการใช้งาน Personally Identifiable Information (PII) ในเครื่องมือจากภายนอก แม้ว่าจะไม่มี PII เพื่อระบุตัวตนผู้ใช้ แต่โชคยังดีที่ลูกค้าที่เป็นธนาคารหลายรายมีข้อมูล ID ผู้ใช้ของตัวเอง ในบางกรณี การใช้ data warehouse อาจเป็นทางที่ดีในการผนวกรวมข้อมูล เนื่องจากมันช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมสิ่งที่จะทำหรือสิ่งที่จะส่งไปยังเครื่องมือภายนอกได้มากกว่า
เมื่อมองถึงอนาคตแล้ว เราเห็นว่าเบราว์เซอร์กำลังลดการติดตามข้อมูลของคุกกี้ลง ณ ปัจจุบันนี้ แม้เราจะเห็นว่าเบราว์เซอร์พยายามลบคุกกี้ที่มาจาก 3rd party แต่ Mixpanel ก็จะไม่ได้รับผลกระทบนี้เนื่องจากเราใช้ระบบติดตามข้อมูลของคุกกี้ที่เป็น 1st party อย่างไรก็ตาม ad blocker นั้นยังคงมีผลต่อความแม่นยำของข้อมูลอยู่ สำหรับลูกค้าที่ต้องการหาทางแก้ไขในระยะยาว แนวทางที่ดีในการคงความแม่นยำของข้อมูลก็คือการติดตามข้อมูลจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ เช่น server-side SDK, และการใช้งาน data warehouse ในฐานะ source of truth
การสร้างระบบติดตามข้อมูลขึ้นมาเอง หรือการใช้ proxy ติดตามข้อมูล ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของลูกค้าได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถนำข้อมูลไปใช้ในระบบได้และสามารถติดตามทุกอย่างได้จากแดชบอร์ด ซึ่งทำให้ product manager, สมาชิกทีมพัฒนาธุรกิจ, และทีมการตลาด สามารถใช้งานได้สะดวก
Mixpanel ช่วยให้ทุกคนหาคำตอบที่พวกเขาต้องการเพื่อนำไปทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจดิจิทัลนั้นสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้จากการวัดผล, วิเคราะห์, และปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานโปรดักต์ของพวกเขา การรวบรวม insight เกี่ยวกับโปรดักต์ของคุณที่ลึกกว่าเดิมทำให้คุณสามารถสร้าง, วัดผล, เรียนรู้ได้เร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม, และช่วยให้ทุกคนสามารถหาคำตอบเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมากแค่ไหนก็ตาม
การตัดสินใจด้วยข้อมูล ในขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึง convert, engage, และกลับมาใช้โปรดักต์นั้นทำให้คุณสามารถปรับปรุงโปรดักต์เพื่อมัดใจลูกค้าได้ นอกจากนั้นคุณยังรู้ว่าฟีเจอร์ที่ปล่อยออกมา, การทดลองต่างๆ, และแคมเปญเพิ่ม engagement ไหนได้ผลอีกด้วย
Mixpanel เป็น stack ที่ครบเครื่องและทรงพลัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นเลเยอร์หลักๆ ได้ดังนี้
องค์ประกอบหลักของ Data Infrastructure ก็คือ Data Pipelines ซึ่งทำให้คุณสามารถ export ข้อมูลที่ผ่านการ clean, backfill, และ transform แล้วส่งไปยัง data warehouse ที่ต้องการ เช่น Redshift, Big Query, Azure, หรือ Snowflake ได้ซึ่งคุณสามารถทำการวิเคราะห์แบบเร่งด่วนด้วยเครื่องมือที่ต้องการและใช้ pipeline แบบสำเร็จรูปเพื่อส่งข้อมูลไปยังปลายทางที่ต้องการได้ ตัวอย่างผู้ให้บริการ blob storage ได้แก่ Amazon S3, Google Cloud Storage (GCS), และ Azure Data Lake Storage ซึ่ง Mixpanel จะทำการ clean, transform, และ backfill ข้อมูลให้คุณ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ GDPR และอัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ
องค์ประกอบที่สองของ Data Infrastructure ก็คือ Warehouse Connectors ซึ่งทำให้คุณสามารถ import ข้อมูลจาก Snowflake, BigQuery, Redshift, และ Databricks มายัง Mixpanel ได้แบบ native ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถติดตั้งการ sync ข้อมูลจาก data warehouse ได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่า Mixpanel จะทำงาน sync กับข้อมูลที่คุณเชื่อถืออยู่เสมอ
องค์ประกอบสุดท้ายของ Data Infrastructure นั้นเรียกว่า ID Merge ซึ่งทำให้คุณมองเห็นภาพชัดเจนว่า session ของผู้ใช้แต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร ด้วยการช่วยให้คุณสามารถจับคู่ข้อมูล post-login และพฤติกรรมแบบย้อนหลังกับ pre-login event และ ID ของผู้ใช้แต่ละคนจากหลากหลายอุปกรณ์ได้ด้วย ID ที่เหมือนกัน
Lexicon คือ data dictionary ของเราใน Mixpanel ซึ่งเป็นที่ที่คุณสามารถเพิ่มและบริหารจัดการคำอธิบายของ event ทั้งหมด รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ เพื่อทำให้ข้อมูลถูกจัดเป็นระเบียบ Lexicon ทำให้ทุกคนในองค์กรของคุณเชื่อมั่นในข้อมูลที่มี เข้าใจความหมายของมัน และสามารถสร้างรายงานที่แม่นยำจากข้อมูลเหล่านั้นได้ นอกจากนั้นคุณยังสามารถแก้ไข tracker ที่มีการติดหมวดหมู่ผิดพลาดได้โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขโค้ด
Permissions ทำให้คุณสามารถบริหารจัดการได้ว่าพนักงานคนไหนสามารถเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง ทั้งระดับรายบุคคลหรือในระดับทีม
Live View หรือ “Events” ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบคุณภาพข้อมูลที่เข้าไปใน event stream ได้ ช่วยให้ developer มองเห็นสถานะและประสิทธิภาพของการ implement ได้แบบเรียลไทม์ และมองเห็นว่า event ที่กำลังติดตามสถานะนั้นไหลเข้าไปใน Mixpanel อย่างถูกต้องหรือไม่
Mixpanel สามารถวิเคราะห์รวมถึง visualize ตัวชี้วัด, KPI, user event และ ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ของคุณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนั้นยังทำให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้า ได้ด้วยข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ โมเดลข้อมูลของเราช่วยให้คุณสามารถรัน behavioral queries อันทรงพลังได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที และยังทำให้คุณสามารถเข้าใจที่มาของเทรนด์และ insight ต่างๆ ที่หามาได้อีกด้วย ซึ่ง Mixpanel จะทำการวิเคราะห์อันซับซ้อนในระหว่างที่รันงานอื่นไปพร้อมๆ กัน
Core Reports ใน Mixpanel ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้งด้วยรายงานผลที่พร้อมใช้งานได้ทันที
Insights Report ช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มข้อมูลตามเวลา, เบราว์เซอร์, อุปกรณ์, หรือคุณสมบัติอื่นๆ ได้ และสามารถ visualize และเปรียบเทียบข้อมูลได้เพื่อให้คุณรู้ว่าควรจะวิเคราะห์ในเรื่องใดต่อไป
Funnels ทำให้คุณสามารถมอนิเตอร์และปรับปรุง conversion rate ได้ด้วยการระบุชี้ชัดว่าผู้ใช้ออกจากระบบที่จุดไหน คุณจึงมองเห็นโอกาสและสามารถตัดสินใจจากข้อมูลเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้
Flows ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ด้วยการหาว่าเส้นทางที่ผู้ใช้เลือกเหมือนกันมากที่สุดคืออะไรและ user journey ของพวกเขาที่พาไปถึงแอ็กชันต่างๆ เป็นอย่างไร มีสิ่งใดมาดึงเขาออกไปจากแอ็กชันนั้น รวมถึงหลังจากผู้ใช้ทำแอ็กชันที่ต้องการแล้ว พวกเขาทำอะไรต่อ ตัวอย่างง่ายๆ คือ การเปรียบเทียบรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ที่กลับมาใช้โปรดักต์กับผู้ใช้หน้าใหม่เพื่อหาว่าพวกเขาติดขัดในจุดไหนของ user interface
ส่วนสุดท้ายของการรายงานผลผลักก็คือ Retention ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลที่ล้ำค่าว่าผู้ใช้รายไหนกลับมาอีกเรื่อยๆ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ หรือการปรับปรุงดิจิทัลโปรดักต์ของคุณ
สำหรับการวิเคราะห์แบบเจาะลึกใน Mixpanel นั้น มี Cohort Analysis ไว้เพื่อให้คุณใช้จัดกลุ่มผู้ใช้ตามคุณสมบัติบางอย่าง หรือใช้เมื่อคุณสร้างชุด event ขึ้นมา หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจกลุ่มของผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมแตกต่างกันและเจาะกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในแง่ของ retention, churn, และอื่นๆ เพื่อดึงให้เขาเลือกทำแอ็กชันที่ต้องการมากที่สุด
Signals ทำให้คุณรู้ว่าพฤติกรรมไหนที่นำไปสู่เป้าหมายหรือผลลัพธ์บางอย่าง ช่วยให้คุณสามารถค้นหาพฤติกรรมของผู้ใช้ที่สัมพันธ์กับ retention ที่เพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งมันสามารถตรวจสอบ event และแนะนำแอ็กชันที่จะส่งผลดีต่อตัวชี้วัดของคุณได้มากที่สุด
Impact แสดงให้ PM เห็นว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมานั้นสร้างความแตกต่างได้หรือไม่ และสามารถเปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้ที่ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวกับผู้ที่ไม่ใช้ได้
Experiments แสดงให้เห็นว่าการทำ A/B test ในแต่ละแบบที่คุณ import มาจากเครื่องมือภายนอกนั้นส่งผลต่อตัวชี้วัดอย่างไร และแสดงให้เห็นว่าแต่ละการทดสอบและการลงทุนของคุณนั้นส่งผลโดยตรงต่อตัวชี้วัดที่คุณให้ความสำคัญมากแค่ไหน
รายงานเหล่านี้ส่งผลให้คุณสามารถจัดกลุ่มได้อย่างรวดเร็วและไร้ข้อจำกัด ซึ่งมาคู่กับโมเดลข้อมูลของ Mixpanel ที่ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถจัดการกับข้อมูลในแบบที่พวกเขาต้องการได้ และโฟกัสกับสิ่งสำคัญจริงๆ ได้อย่างเต็มที่
Dashboards ช่วยให้คุณสามารถแชร์ความคืบหน้าของตัวชี้วัดที่สำคัญได้ในหลากหลายรูปแบบ สามารถแจ้งเตือนคุณและทีมงานได้เมื่อไปถึงเป้าหมายหรือเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
Find Interesting Segments ใช้ machine learning ในการวิเคราะห์ว่าตัวการสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิด conversion ในแต่ละ segment คืออะไร และใช้ event properties กับ cohorts ในการเผยให้เห็นว่าข้อมูลของ segment ที่สำคัญในเชิงสถิติอันไหนที่ convert มากกว่าหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคืออะไร
และท้ายที่สุด คุณสามารถใช้ Custom Alerts เพื่อแจ้งเตือนได้เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวสำคัญเกี่ยวกับตัวชี้วัดของคุณ เช่น KPI ตกลงหรือพุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดข้อมูลสำคัญและทีมงานรู้เท่าทันทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิจิทัลโปรดักต์ของคุณ
CDP ควรจะสามารถรวบรวมข้อมูลจากซอฟต์แวร์ได้ และต้องสตรีมข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ ได้หลากหลายอีกด้วย CDP คือวิธีที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลจากการใช้งานจริงของผู้ใช้ ซึ่งทำให้มันกลายเป็น source of truth แล้วจึงส่งข้อมูลทั้งหมดไปยัง Mixpanel เพื่อทำการวิเคราะห์ในขั้นสูงต่อไป การวิเคราะห์แบบ 360 องศานั้นใช้ข้อมูลจากทุก touchpoint ไม่ว่าจะเป็น Customer Relationship Management (CRM), การขายปลีกหรืออีคอมเมิร์ซ, ประกันภัย, หรือแม้แต่ ticket จากระบบช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้คุณเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นเมื่อไร และทำไม เช่น
สิ่งสำคัญที่สุดคือ Mixpanel ช่วยให้ทีมงานหลากหลายฝ่ายของคุณสามารถตัดสินใจจากข้อมูลได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็น product manager, designer, หรือ developer ทุกๆ ฟังก์ชันจากแต่ละทีมสามารถ query ข้อมูลแยกกันได้เพื่อดูผลลัพธ์ในเชิงสถิติที่แตกต่างกัน ทำให้เกิด UX และ CX ที่ดี เพื่อผลักดันให้แต่ละฝ่ายสร้างผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Rafael Loh
Head of Solutions Engineering at Mixpanel
คุณ Rafael ร่วมงานกับบริษัทมากมายในการช่วยให้พวกเขาหา insight ได้ลึกขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าผู้ใช้มีการใช้งานโปรดักต์อย่างไร ซึ่งทำให้สามารถสร้าง engagement ที่ดีขึ้นได้ ที่ Mixpanel เขาเป็นคนนำทีม Solution Engineer ในการผลักดันให้แอปฯ และเว็บไซต์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหันมาใช้โซลูชันของ Mixpanel มากขึ้น