บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

อนาคตของ Fintech ใน web 3.0 จะเป็นอย่างไร โดย SCB

เขียนโดย Seven Peaks - 22 เม.ย. 2022, 4:31:00

จัดงานโดย SCB ที่ออฟฟิศของ Seven Peaks Software

 

บทนำ

นี่คืองานเสวนาที่ให้ความรู้ซึ่งจัดโดย SCB TechX และ Seven Peaks Software โดยมีผู้ร่วมเสวนาที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน ร่วมกับคุณ Andre Chan – Innovation Lead ของ SCB TechX, คุณ Jonas Thürig – head of F10 Singapore, คุณ Jostein Aksnes – CEO ของ Seven Peaks Software, และคุณ Maxime Paul – CMO ของ Atato โดยพวกเขาได้พูดคุยเจาะลึกหัวข้อที่น่าสนใจเรื่อง “อนาคตของ Fintech ใน web 3.0”

การเสวนาที่น่าสนใจนี้จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับอนาคตของ Fintech ใน web 3.0 โดยเราจะมอบบทสรุปที่ครอบคลุมแก่คุณ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่อนาคตของอุตสาหกรรมนี้ที่ไม่หยุดนิ่งในยุคดิจิทัล

 

อะไรทำให้บริษัท Fintech และ product line หนึ่งสามารถประสบความสำเร็จได้ในยุคนี้

ในช่วงห้าปีครึ่งที่ผ่านมา ผู้คนต่างมีการตื่นตัวและหันมาสนใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น จากสิ่งที่เคยถูกปฏิเสธเมื่อครั้งอดีต แต่ว่าตอนนี้กลับได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากุญแจสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การตระหนักถึงความสำคัญของเวลานั่นเอง

บริษัท Fintech อันดับท็อปๆ ในตลาดประสบความสำเร็จได้จากการปรับการนำเสนอโปรดักต์ให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Fintech จำนวนมากเริ่มต้นในการให้บริการบัตรเครดิต แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปให้บริการเคเบิลในอีกหกเดือนต่อมา แนวทางที่คล่องตัวนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

ความสามารถในการประเมินความต้องการของตลาดอย่างสม่ำเสมอและตอบสนองตามเทรนด์นั้น คือสิ่งที่ทำให้ Fintech ที่ประสบความสำเร็จแตกต่างออกไป ซึ่งเราจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่ Fintech ชั้นนำคิดเมื่อต้องการส่งมอบโปรดักต์และบริการอันหลากหลายที่รองรับกลุ่มย่อยเฉพาะของประชากรได้อย่างไรนั่นเอง

ในสถานการณ์ปัจจุบัน การรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้อย่างตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบุคคลต่างๆ ให้ความสำคัญกับการได้มาและเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ข้อมูลเชิงลึกนี้มาจากการสังเกตการณ์กว่าทศวรรษโดย Atato บริษัทเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเน้นย้ำถึงจุดที่น่าสนใจของตลาดในปัจจุบัน

โอกาสมาถึงแล้ว! แต่ไม่ใช่แค่การค้นหาวิธีขายให้ได้มากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ลองคิดดูว่าอะไรคือความต้องการที่ซ่อนอยู่ของตลาดและทำให้มันกลายเป็นโปรดักต์จริงได้ในที่สุด หลังจากนั้นคอยจับตาดูเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้บริการเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ผู้คนต้องการใช้มันจริงๆ

 
 

นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงใน Fintech เป็นไปได้ในด้านใดบ้าง

เมื่อปีที่แล้ว บริษัทสตาร์ตอัปในอาเซียนระดมเงินทุนได้สูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าการระดมทุนในปี 2563 ถึง 3 เท่า นี่นับเป็นการเติบโตที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านธนาคารดิจิทัล เพื่อให้ผู้คนไม่ลังเลที่จะพูดถึงเรื่องของคริปโตอีกต่อไป

สิ่งที่ผู้เข้าร่วมเสวนาคาดการณ์ล่วงหน้าจากประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบเจอในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือ ผู้ครอบครองตลาดกำลังพยายามทำการทดลองเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล, metaverse, และ GameFi ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นให้พร้อมกับสิ่งเหล่านี้

น่าแปลกที่ได้พบเห็นว่าบริษัทการเงินที่มีชื่อเสียงเช่น JP Morgan พยายามนำตัวเองเข้าสู่โลกดิจิทัลทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่าไรนักในตอนนี้ แต่หลักๆ แล้วดูเหมือนจะเป็นความพยายามในการวางรากฐานและเริ่มการเตรียมการที่จำเป็น เพื่อที่บริษัทจะได้กำหนดกลยุทธ์ที่ถูกต้องเพื่อการันตีว่าในอนาคตพวกเขาจะสามารถดำเนินธุรกิจในโลกดิจิทัลได้อย่างประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรามีการใช้ AR, VR, และ AI อย่างแพร่หลาย ซึ่งกว่าที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะกลายเป็นเวอร์ชันที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบันนั้น ก็ล้วนผ่านการพัฒนามาสักระยะหนึ่งทั้งนั้น เมื่อพูดถึง บล็อกเชนก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เรามองข้ามไปไม่ได้ และเรายังต้องจับตาดูว่าจะสามารถพัฒนาโซลูชันอะไรขึ้นมาใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ได้อีกหรือไม่

 

การรับรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลและความสำคัญของความร่วมมือข้ามพรมแดนหรือระหว่างอุตสาหกรรม

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผู้คนมักมองว่าบล็อกเชนเป็นโซลูชันในการค้นหาปัญหา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนไม่เข้าใจก็คือเทคโนโลยีบล็อกเชนไม่ได้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วย

ยกตัวอย่างที่น่าสนใจในกรณีของยูเครนที่มีการจัดตั้งองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ ซึ่งภายใน 24 ชั่วโมง เงินหลายล้านดอลลาร์ถูกส่งและจัดการโดยชุมชนเอง ความเร็วและความโปร่งใสในระดับนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในองค์กรแบบดั้งเดิม ซึ่งการชำระเงินและกระบวนการต่างๆ มักใช้เวลาหลายวัน

การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Maxime ประสบปัญหาในการซื้อหุ้นสหรัฐในฐานะชาวต่างชาติผ่านช่องทางธนาคารแบบดั้งเดิม เขาจึงเลือกไปใช้แพลตฟอร์มเช่น Robinhood แทน

อย่างไรก็ตาม ด้วยการกระจายอำนาจบนบล็อกเชน ทุกคนสามารถเข้าร่วมพื้นที่ทางการเงินได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง ในขณะที่ยังคงมีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามในการซื้อสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุมและรายงานภาษีของตนได้อย่างอิสระ

จึงเป็นสาเหตุให้หน่วยงานที่กำกับดูแลพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างการยอมรับเทคโนโลยีใหม่นี้และการรักษามาตรการป้องกันที่จำเป็น ในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ก็กำลังสร้างโปรโตคอลที่เปิดให้กลุ่มอายุต่างๆ เข้าถึงได้ โดยขจัดอุปสรรคต่างๆ ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องรอจนถึงอายุ 18 ปีอีกต่อไปเพื่อลงทุนในหุ้นอีกต่อไปแล้ว

web 3.0 มอบโอกาสใหม่ๆ มากมายให้กับพวกเรา ในแบบที่ web 2.0 ไม่สามารถให้ได้ เช่น ความร่วมมือระหว่างคนในชุมชน และอื่นๆ การสนทนาภายในชุมชนเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น NFT, GameFi, และ DeFi ซึ่งสิ่งเหล่านั้นส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการทำงานร่วมกันระหว่างผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

นั่นทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอีก 1-2 ปีต่อจากนี้ เราอาจจะได้เห็นอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ในทุกเทคโนโลยีที่มีอยู่ นอกจากนี้ เรายังจะมีแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นบนมือถือของเราอีกด้วย