คงด้วยความที่บีมเป็นคนชอบอะไรเป็นเหตุเป็นผลล่ะมั้งที่ทำให้บีมชอบเขียนโปรแกรม รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็น .NET developer อยู่ในบริษัทรับพัฒนาซอฟต์แวร์อย่าง Seven Peaks ไปแล้ว แถมยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อีกเยอะเลย ถ้าคุณอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ลองอ่านเรื่องของบีมดูนะ
บีมเรียนจบจากวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคมที่ สาขาคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสาร มศว. ที่นั่นเขาเปิดสอนหลากหลายวิชา โดยวิชาเอกบีมเรียนเป็นการเขียนโปรแกรม ส่วนวิชาเลือกทางคณะ มีให้เลือกเรียนทั้งเรื่องของกราฟิกดีไซน์ ออกแบบ UX/UI การตลาดดิจิทัล แล้วก็ด้านภาพยนต์ ซึ่งตอนเรียนเขียนโปรแกรมก็ยังคิดอยู่ว่าถ้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของเราจริงๆ ก็สามารถต่อยอดไปสายงานอื่นได้จากวิชาเลือกที่ลงเรียน แต่พอเรียนแล้วก็ชอบเขียนโปรแกรมนะ
สำหรับการเขียนโปรแกรมจริงๆ แล้วสิ่งที่คณะเน้นคือภาษา Swift กับ PHP เพราะเขาเน้นให้เราจบไปเป็น iOS developer ธีสิสที่ทำก็เกี่ยวกับ iOS แต่ตอนฝึกงานมีโอกาสได้ไปทำเกี่ยวกับ .NET ก็เลยเริ่มได้เรียนรู้เรื่องนี้
ด้วยความที่บีมเป็นคนชอบเขียนโปรแกรม จะเป็นภาษาอะไรก็ได้ ตอนที่ไปหางานก็เลยไม่ได้จำเป็นว่าต้องทำเกี่ยวกับ iOS เท่านั้น ไม่อย่างนั้นโอกาสฝึกงานมันจะจำกัด พอได้โอกาสนี้ก็เลยยินดีที่ได้ทำ โดยโปรเจกต์เริ่มแรกจะเป็นการสร้างเว็บไซต์สำหรับองค์กรที่รับบีมเข้าไป
ตอนที่เรียนจบแล้วสมัครงานก็สมัครไปทั้งสาย iOS และ .NET แต่ก็ได้งานที่แรกเป็น .NET developer บริษัทก็ดูน่าทำ เลยคิดว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี จริงๆ แล้วการเขียนโปรแกรมมันก็มีหลายภาษา การได้ลองภาษาใหม่ๆ ที่เรายังไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
บีมรู้สึกว่าบุคลิกตัวเองเหมาะกับการเป็น developer เพราะว่าถ้าใครมีโจทย์มาให้ บีมก็อยากจะหาคำตอบ ไม่ค่อยปล่อยผ่านไป ดังนั้นเวลาที่โปรแกรมมีบั๊ก ก็เลยรู้สึกอยากแก้บั๊กนั้นให้ได้
รวมทั้งการทำงานของ developer ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร มีช่วงเวลาที่ต้องพบปะผู้คนบ้าง แต่ก็มีช่วงที่อยู่คนเดียวบ้าง ไม่ต้องติดต่อใครอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบีมคิดว่าตัวเองก็ไม่มีพลังงานจะคุยกับใครมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับไม่อยากคุยกับใครเลย
อีกอย่างคือบีมเป็นคนชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ถ้ามีโอกาสได้ทำงาน ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตรงนี้ก็จะรู้สึกสนุกกับมัน
ที่ทำงานเกี่ยวกับ .NET มาตลอดก็เพราะรู้สึกว่า .NET มันค่อนข้างซับซ้อนและมีความแปลกใหม่ มีเครื่องมือมากมายอย่างเช่น MVC เป็นเฟรมเวิร์กสำหรับพัฒนาเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าแรกๆ จะดูยากแต่หลังๆ ก็เริ่มเข้าใจวิธีคิด วิธีการทำงานของมันมากขึ้น
อย่าง frontend มันจะเกี่ยวกับความสวยงาม ประสบการณ์ของผู้ใช้ เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล แต่ .NET ด้วยความที่มันเป็น backend เป็นหลัก มันจึงเกี่ยวกับการประมวลผลการทำงานให้รวดเร็ว เก็บข้อมูลได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นด้านที่บีมชอบมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะ frontend หรือ backend บีมก็ทำได้หมด สนุกหมด เพราะถ้าเป็นกึ่งๆ full-stack developer เหมือนตอนทำงานที่แรกก็จะรู้สึกว่างานมันสมดุลกัน แต่การโฟกัสกับ backend ไปเลยแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี
ส่วนใหญ่งานที่ทำจะเกี่ยวกับเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์มันก็สามารถสร้างสรรค์ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ การทำงานเกี่ยวกับเว็บไซต์ก็มีความสนุกอยู่ตรงที่สามารถปรับเปลี่ยน สร้างสรรค์ได้ไม่มีที่สิ้นสุด มีเครื่องมือ ไลบรารี เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เราศึกษาและนำมาใช้งานอยู่ตลอดเวลา ก็เลยอยากทำต่อไป
เวลาลูกค้ามี requirement ใหม่มา ได้เจอโจทย์ใหม่ๆ ได้คิดแก้โจทย์ว่าจะพัฒนาโปรดักต์อย่างไร ควรจะเลือกใช้เครื่องมืออะไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ทำยังไงให้เกิดบั๊กน้อยที่สุด ก็รู้สึกว่ามันท้าทายและสนุกกับมัน
ตอนที่ทำงานที่แรกเป็นบริษัทไทย พอย้ายมาทำงานที่นี่ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างชาติ นอกจากการที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษตลอดเวลาเพราะมีเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแล้ว ก็พบว่ามันมีวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกัน ประทับใจตรงที่ ที่นี่ทุกคนจะกระตุ้นให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานออกมา และเน้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนการทำงาน
ด้วยความที่เพิ่งเข้ามาใหม่ บีมก็เลยยังไม่ได้ร่วมโปรเจกต์ลูกค้าที่ไหน ช่วงนี้บริษัทก็เลยจะเน้นให้ไปสอบเอา certification พลางๆ ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งได้ certification คือ AZ-900: Microsoft Azure Fundamentals เกี่ยวกับพื้นฐานด้านคลาวด์ของ Microsoft Azure มา พอไปสอบมาก็ได้เรียนรู้ว่า Azure มันมีหลายแง่มุมที่ยังไม่รู้หรือน่าสนใจมากๆ ทำให้รู้ว่าคลาวด์เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวกว่าที่คิดและอยากเรียนรู้เรื่องนี้มากขึ้น แล้วก็เตรียมสอบตัวต่อไป
นอกจากนั้นก็ได้เข้าร่วมทีม backend ในบริษัท ซึ่งจะแบ่งเป็นทีมหลายทีม เช่น onboarding หรือ process and achievement พอดีว่าบีมอยู่ทีม communication and mastery เพื่อผลักดันความรู้ให้กับ tech community ในประเทศไทย ทั้งของบริษัทเองและของที่อื่น
ซึ่งหน้าที่ที่บีมทำอยู่ตอนนี้จะเป็นแนวเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับ backend และเข้าร่วมอีเวนต์ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น LINE Conference Thailand 2023 รวมถึงอีเวนต์ของ MongoDB และ Ruby Tuesday ที่ผ่านมา
จากอีเวนต์ที่เข้าร่วมทำให้ได้ความรู้ว่า community แต่ละแห่งเป็นอย่างไร ได้เห็นว่า developer ที่สนใจภาษาต่างๆ มาพบปะ พูดคุย อัปเดตความรู้กัน ได้รู้ว่าผู้จัดแต่ละเจ้าเขามีวิธีการอย่างไรในการดึงให้ developer ในสายนั้นๆ สนใจมาเข้าร่วมงาน อย่างในงานของ MongoDB เขาก็จะมีคนไทยที่ได้ไปร่วมงานกับ MongoDB Atlas ที่ต่างประเทศมาแชร์ความรู้และประสบการณ์การทำงานที่นั่นให้ฟังด้วย
บีมเลยได้เห็นว่าแต่ละคนจะมีเรื่องเล่าหรือเทคโนโลยีที่อยากนำเสนออยู่ บางครั้งก็จะได้แรงบันดาลใจจากพวกเขา หรือสนใจที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาปรับใช้กับงานในบริษัทต่อไป
เนื่องจากเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็น senior developer ที่มีประสบการณ์มากกว่าบีม ทำให้บีมได้เรียนรู้จากพวกเขา ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องการเขียนโค้ดที่ดี การคอมไพล์ เน็ตเวิร์ก หรือสถาปัตยกรรมโซลูชัน แต่ยังรวมไปถึงทักษะการเป็นผู้นำ การทำงานร่วมกันเป็นทีม การนำประชุมงานใน standup meeting การใช้เครื่องมือในการบริหารโปรเจกต์อย่าง Jira รวมทั้งเรื่องการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ เป็นต้น
บีมจึงมองเห็นว่ายังมีอีกหลายด้านที่เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ เวลาที่ต้องการคำแนะนำก็สามารถปรึกษาจากรุ่นพี่เหล่านี้ได้ เขาสามารถบอกได้ว่ามีตรงไหนที่เราควรปรับปรุงบ้าง ทำให้บีมได้ฝึกตัวเองทุกวัน ได้ทบทวนว่าตัวเองควรพัฒนาเรื่องไหน
ตอนแรกที่เพิ่งเข้ามาก็คิดว่าจะกดดันหรือเครียดกว่านี้ ด้วยความที่เป็น junior ก็มีความกังวลอยู่บ้างว่าตัวเองจะทำได้ไหม จะทำอย่างที่คนอื่นคาดหวังได้แค่ไหน แต่ว่าจริงๆ แล้วทุกคนใจดีมาก ถ้ามีคำถามอะไร พวกเขาก็ยินดีและตั้งใจตอบ เรื่องอะไรที่ไม่รู้แล้วทำให้เรากังวล เขาก็จะบอกทำนองว่า
“ไม่เป็นไรนะ เราเป็นเพื่อนกัน”
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่แรกหรอก คนเราสามารถพัฒนาได้”
ก็เลยทำให้ลดความกดดันไปได้เยอะเลย และสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้มากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่า โอเค เรายังอยู่ในกระบวนการพัฒนาอยู่นะ
บีมไม่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์มา เรื่องการใช้ภาษาอังกฤษคุยกับเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติก็เลยเป็นอุปสรรคบ้าง และเพื่อนร่วมงานก็มีหลากหลายเชื้อชาติ บางทีก็ฟังสำเนียงไม่ค่อยออก แล้วทำให้กังวล แต่พอได้พูดคุยกันบ่อยๆ ก็ค่อยๆ ชินมากขึ้น ถ้าฟังไม่ทันจริงๆ ก็ขอให้เขาพูดซ้ำอีกครั้งได้ เขาก็ใจดี เลยยินดีพูดซ้ำ สุดท้ายแล้วบีมก็สามารถเอาตัวรอดได้
นอกจากการพูด บางครั้งการพิมพ์คุยงานกัน ก็ต้องคิดให้ดีว่าจะสื่อสารอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจชัดเจน เพราะถึงแม้ว่าเราจะใช้ภาษาอังกฤษกัน แต่ด้วยความหลากหลายเชื้อชาติ แต่ละคนก็อาจจะเข้าใจไม่ตรงกันก็ได้
ส่วนเรื่องเนื้องาน ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไรหนักๆ บางครั้งก็ต้องเจอเรื่องยากๆ บ้างเป็นธรรมดา ซึ่งบีมก็ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาหรืออุปสรรคอะไรขนาดนั้น มองว่าเป็นเรื่องท้าทายมากกว่า บางเรื่องแค่มันไม่เคยทำ ต้องไปศึกษาเพิ่มเติม หรือสอบถามผู้รู้ อาจจะดูเหมือนยากแต่บีมไม่ได้มองว่ายากถึงขนาดต้องเก็บมาเครียด ต่อให้มันยากจริงๆ ก็ไม่อยากมองเป็นเรื่องยาก เดี๋ยวจะขวัญผวา เสียกำลังใจเปล่าๆ
เวลาที่บีมกังวลเรื่องอะไรจริงๆ ก็จะพยายามหาทางออกให้ตัวเองเสมอ ต้องหาทางจัดการให้ได้ เพื่อให้ตัวเองหายกังวล ลดความเครียดลง และสามารถไปถึงผลลัพธ์ได้ในที่สุด
แทนที่จะมัวแต่กลัว ก็สู้ทำให้เต็มที่ดีกว่า
ที่ผ่านมาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองเรียนมาอย่างการพัฒนาแอปพลิเคชันบน iOS เพราะพื้นฐานความรู้จากตรงนั้นก็นำมาต่อยอดได้เหมือนกัน แม้ว่าอาจจะไม่ใช่การปรับใช้ในด้านเทคนิคโดยตรง แต่ว่าประสบการณ์จากภาษาที่เคยเขียนมาทำให้บีมสามารถแก้โจทย์ได้ดีขึ้น รู้ว่าควรจะใช้วิธีไหน ทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ
อย่างเรื่องบทบาทของการเป็นผู้นำหรือการออกมาพูดใน session สำหรับแบ่งปันความรู้ภายในที่ถือว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับบีม แรกๆ ก็ไม่กล้าพูด หรือไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เตรียมกระบวนการแบบไหน ต้องทำอะไรต่อ เพราะที่ผ่านมาเราเป็นผู้ตามมาโดยตลอด พอต้องมาเป็นคนนำคนอื่นก็เลยไม่แน่ใจ แต่พอได้ทำบ่อยๆ ได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ ก็สามารถจัดการมันได้ดีขึ้น
ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น ได้เจอคนหลากหลายมากขึ้น ได้เจอทั้งคนรุ่นเดียวกันและคนที่โตกว่ามากๆ แนวคิดก็เลยเปลี่ยนไป พอเป็น developer มาสักพักก็รู้ว่ามันต้องวางแผนในการทำงานให้ดี เลยมีการวางแผนและบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้น คิดอะไรเป็นระบบมากขึ้น
บีมเพิ่งทำงานมา 3 ปี ก็เลยรู้สึกว่าอยากลองอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ไม่อยากจำกัดตัวเอง รู้สึกว่าชีวิตไม่มีกรอบอะไรมาครอบไว้ บีมคิดว่าตัวเองสามารถเขียนโปรแกรมได้หมดทุกภาษา เพราะแต่ละภาษาก็มีการนำไปพัฒนาโปรดักต์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
นอกจากจะเติบโตไปเป็น senior developer แล้วพอได้เห็นเพื่อนร่วมงานในหลากหลายตำแหน่ง เช่น system analyst, project manager, project owner ก็เห็นว่ามันมีโอกาสที่ไปจะไปทำอย่างอื่นได้เหมือนกัน ช่วงนี้ก็เลยเหมือนยังค้นหาตัวเองต่อไปว่าอยากไปทางไหนต่อ บางทีอีก 5 ปีข้างหน้า สิ่งที่ชอบมันอาจจะเปลี่ยนก็ได้ แต่ก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะพร้อมรับโอกาสที่เข้ามา
เทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ใครที่สนใจทำงานด้านนี้ก็ควรจะศึกษา อัปเดตความรู้อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ต้องถึงกับกดดันตัวเองมากเกินไป เพราะจะให้ตามทันเทคโนโลยีทั้งหมดก็คงไม่ไหว แค่อย่าหยุดพัฒนาตัวเองก็พอ ทุกวันนี้บีมก็ยังเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เหมือนกัน
ถ้าอยากทำอะไรก็ลงมือทำให้เต็มที่ อย่าเพิ่งกังวล ถ้าเราเริ่มอะไรจากความอยากทำหรือความชอบของตัวเอง เราก็จะมีแรงผลักดันเอง
ใครที่สนใจ อยากมาสมัครงาน .NET developer กับบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่าง Seven Peaks เหมือนบีม ติดต่อมาที่หน้าสมัครงานได้เลย
บีม ณริฎฐา อัศวสุนทรางกูร, Junior .NET Developer ที่ Seven Peaks ณริฎฐา มีประสบการณ์การทำงาน 3 ปีในตำแหน่ง Junior Backend Developer (.NET) สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเว็บไซต์ คลาวด์ และแอปพลิเคชัน ชื่นชอบในตรรกะของการเขียนโปรแกรมและการตอบสนอง requirement ที่ท้าทายของลูกค้า |