บทความและข่าวสาร | Seven Peaks Insights

Tech Stack คือสิ่งที่ผลักดันให้ Ascend Money ประสบความสำเร็จ

เขียนโดย Seven Peaks - 15 ม.ค. 2024, 8:10:20

หากคุณไม่ได้ทำงานอยู่ในแวดวง FinTech ก็อาจไม่คุ้นเคยกับชื่อของ Ascend Money (แอสเซนด์ มันนี่) แต่ถ้าพูดชื่อโปรดักต์หลักของพวกเขาอย่าง TrueMoney Wallet (ทรูมันนี่ วอลเล็ต) คงจะร้องอ๋อ เพราะเป็นแอปพลิเคชันที่หลายคนมีไว้ใช้งานในการจับจ่ายใช้สอยอยู่ทุกวัน

บทความนี้จะอธิบายถึงความเป็นมาของ Ascend Money และเล่าว่า tech stack คือส่วนสำคัญอย่างไรในการช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

การเติบโตของ Ascend Money

แบรนด์ Ascend Money ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 จากจุดเริ่มต้นคือเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ True ก่อนที่ต่อมาจะเข้าไปอยู่ในเครือ CP Group โดยพวกเขามีพันธกิจคือ เน้นการแก้ปัญหาของผู้บริโภคเกี่ยวกับ digital payment ที่ยังมีน้อยและให้บริการได้ไม่ทั่วถึงในประเทศไทย

Ascend Money พัฒนาแพลตฟอร์มกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง TrueMoney Wallet ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทำให้คนไทยสามารถซื้อของและจ่ายบิลแบบดิจิทัลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่และเทรนด์การสร้างสังคมไร้เงินสด 

ส่งผลให้แพลตฟอร์มเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านรายในปี 2566 ให้บริการทั่วอาเซียน ทั้งยังได้รับเงินทุนเพิ่มเติมในรอบซีรีส์ C กว่า 5 พันล้านบาทเลยทีเดียว จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งบริษัท FinTech มูลค่าสูงระดับยูนิคอร์นของไทย 

แต่นอกจากการแก้ pain point ของผู้ใช้ที่ตรงจุดแล้ว การเลือกใช้ tech stack ที่มีประสิทธิภาพก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จเช่นกัน 

tech stack นั้นย่อมาจาก technology stack แปลว่า “ชุดของเทคโนโลยี” ที่ทีมงานในองค์กรนำมาใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งการทำงานออกเป็นสองส่วนคือ backend (ระบบหลังบ้าน) และ frontend (การแสดงผล) ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ก็จะมีหลากหลาย เช่น ภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรม, ซอฟต์แวร์, ฐานข้อมูล, เฟรมเวิร์ก, ไลบรารี, API, และระบบคลาวด์ เป็นต้น เพื่อให้ครบวงจรและตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาซอฟต์แวร์

มาดูกันว่า tech stack ที่ Ascend Money เลือกใช้เป็นอย่างไร จากข้อมูลของคุณมงคล ทองไกรแก้ว Head of Platform Engineering ที่ Ascend Money ซึ่งเป็นคนดูแลทั้งเรื่องระบบคลาวด์, DevOps, และประสิทธิภาพโดยรวมของระบบให้กับแบรนด์นี้

Tech Stack ของ Ascend Money มีอะไรบ้าง

tech stack ที่ Ascend Money เลือกใช้มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก เพื่อใช้ในการดูแล microservice กว่า 400 รายการที่ทำงานอยู่บน production ของระบบ multi-cloud จึงต้องมีการทำ automation และอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนด้วยเครื่องมือต่างๆ โดยเราขอยกตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้มาบางส่วน ดังนี้

  • Infrastructure and Platform
    • Terraform 
    • Ansible
    • Cloudflare
  • DevOps and DevSecOps (CI/CD)
    • Jenkins
    • SonarQube
  • Monitoring, Logging, and Tracing (Observability)
    • Thanos 
    • Kafka 
  • Application Languages and Frameworks (Backend & Frontend)
    • Spring Boot
    • NextJS 
    • React
  • Testing Tools
    • Mountebank 
    • JMeter
    • Green Coffee
  • Databases, Storage, and Messages Queue
    • MySQL
    • Oracle
    • MongoDB
  • Mobile Programming Languages and Technology
    • Swift 
    • Objective-C
    • Kotlin 
    • Java 
  • Machine Learning and Data Analytics
    • GCP 
    • InfluxDB 
    • Debezium 
    • Data Studio (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Looker Studio)

สรุปภาพรวม Tech Stack ของ Ascend Money

สิ่งที่น่าสนใจคือ นอกจาก Ascend Money เลือกใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในตลาด โดยเน้นที่ประสิทธิภาพในการรองรับผู้ใช้หลักหลายล้านคนต่อวันได้แล้ว ยังให้ความสำคัญกับเครื่องมือที่มีความปลอดภัยสูงด้วย 

คุณมงคลได้ให้ความเห็นไว้ว่า เครื่องมือที่นำมาใช้อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ยังต้องดูเรื่องของ business requirement และปัจจัยอื่นๆ เพื่อเลือก tech stack ที่เหมาะสมกับองค์กรมากที่สุด เพื่อให้ได้เครื่องมือที่จำเป็นต่อการใช้งาน ทีมงานเข้าใจอย่างถ่องแท้ รู้วิธีแก้ปัญหา และสามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริงๆ

เมื่อ tech stack ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างละเอียดรอบคอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ผนวกรวมกับกลยุทธ์ที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ Ascend Money ประสบความสำเร็จและยังเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางตลาด FinTech ที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน

ปรึกษาเราเพื่อแนวทางการเลือก tech stack ที่เหมาะสม

การเลือก tech stack ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึง หากคุณต้องการที่ปรึกษาในการวางกลยุทธ์ tech stack ปรึกษาเราได้ เพราะเราคือบริษัทที่ปรึกษาในการทำ digital transformation ที่เชี่ยวชาญด้าน FinTech เป็นอย่างดีที่ให้บริการลูกค้าชั้นนำมาแล้วกว่า 400 รายทั่วโลก

ทั้งยังมีโซลูชันคลาวด์ประสิทธิภาพสูง พร้อมด้วยการเป็น certified partner กับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกอย่าง Microsoft Azure รวมถึงเป็นพาร์ตเนอร์กับผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ อย่าง Amazon Web Services, Google Cloud, Alibaba Cloud, และ Huawei Cloud

คุณจึงมั่นใจได้ในคุณภาพการให้บริการของเรา ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรีได้ทันที