เส้นทางอาชีพ Cloud Solution ที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้

เส้นทางสู่การเป็น Tech Lead - Cloud Solutions ของผมนั้นเป็นผลจากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะได้ความรู้ใหม่ๆ ได้ผลักดันให้ผมสำรวจหน้าที่ต่างๆ ภายในสาขางานที่ผมเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนี้จากการเป็น system architect และต่อมาก็ได้ดูแลและรับผิดชอบวงจรการพัฒนาทั้งหมดในฐานะ system administrator, network administrator, tester และสุดท้ายคือ project manager

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพของผมมาก จริงๆ แล้วความสนใจส่วนใหญ่ของผมคือการติดตามว่ามีเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรบ้างที่กำลังเข้าสู่ตลาดในขณะนั้น

ผมรู้ว่าผมนั้นชอบอะไร ผมจึงเข้าเรียนวิทยาลัยและได้รับปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาเดียวกัน

จุดเปลี่ยนในสายอาชีพของผมนั้นไม่ได้มาจากเรื่องของโปรเจกต์ หรืองานบางอย่างที่ผมต้องทำอย่างที่ใครๆ คาดหวังเอาไว้

แต่มันมาจากทัศนคติต่อชีวิตของผมที่ได้เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าผมจะมาจากภูมิหลังที่มั่นคง มีงานที่ดีและมีตำแหน่งที่น่าพอใจ แต่สถานการณ์ที่หลายๆ คนคิดกันไว้ว่าเป็น "ความฝันแบบอิตาลี" มันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบังคับให้กลืนยาขมทุกวัน โดยผมไม่ชอบที่จะต้องทำสิ่งเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา

ผมไม่ได้พยายามที่จะปรับตัวอีกต่อไป แต่ผมรู้สึกแล้วว่าตอนนั้นจำเป็นต้องออกจากสถานการณ์ที่เป็นพิษนี้แทน ผมต้องเผชิญกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงและพาตัวเองออกจากความจริงที่ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพของผมอีกต่อไป

มันต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว สิ่งต่างๆ ไม่ได้ดีขึ้นทันทีที่ผมจากไป อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่ Seven Peaks ผมตั้งตารอที่จะได้ไปทำงานทุกวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผมกำลังมองหา

เช่นเดียวกับเส้นทางการเติบโตในเรื่องหน้าที่การงานของคนอื่นๆ เส้นทางของผมก็เต็มไปด้วยการเผชิญหน้ากับบุคคลที่ได้มอบความประทับใจทั้งเชิงบวกและเชิงลบให้กับงานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ โดยหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเดินทางของผมก็คือ Gianfranco ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม

ผมได้พบกับ Gianfranco เป็นครั้งแรกระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็น database administrator โดยเขามีบทบาทสำคัญในการเติบโตทางอาชีพของผม นั่นก็เพราะว่าเขาได้ให้ความรู้มากมาย ตั้งแต่เทคนิคการแก้ปัญหาไปจนถึงศิลปะของการวิเคราะห์ข้อมูล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากพื้นฐาน

ในทางกลับกัน เมื่อถึงจุดเปลี่ยนในเรื่องเส้นทางอาชีพของผม ผมก็ได้พบกับนักธุรกิจที่ให้ insight ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโลกธุรกิจ เขาทำให้ผมเข้าใจแนวคิดใหม่ที่ผมไม่เคยแม้แต่จะสนใจในตอนนั้น

ผมต้องเปลี่ยนมุมมองและตระหนักว่าไม่ว่าเนื้อหาจะถูกต้องและมีคุณค่าเพียงใด แต่หากขาดโครงสร้างธุรกิจที่สำคัญไปก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดนี้ค่อนข้างทำให้ผมท้อใจ เนื่องจากผมได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการสร้างคอนเทนต์ชั้นยอดขึ้นมา

ที่ Seven Peaks องค์ประกอบทั้งสองมาบรรจบกัน การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการและความท้าทายของลูกค้าควรมีความสำคัญมากกว่าการตอบสนองต่อคำขอเฉพาะของพวกเขา สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงก็คือการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

บ่อยครั้งที่ความท้าทายเกิดขึ้นจากความแตกต่างในวิธีที่ลูกค้ารับรู้ปัญหาและสิ่งที่พวกเขาจัดลำดับความสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับความสำคัญที่เราระบุว่าจำเป็นสำหรับการสร้างสรรค์โซลูชัน

ดังคำกล่าวที่ว่า 'คุณเชื่อมั่นในคุณภาพของสิ่งที่คุณรู้ ไม่ใช่ปริมาณ'

แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมเติบโตในสายงานของผมก็คือความกระหายความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แรงผลักดันนี้ทำให้ผมต้องมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผมเชื่อมั่นว่าการละเลยหรือหลงลืมปัจจัยพื้นฐานจะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้านั่นเอง

เคล็ดลับของการเติบโตอย่างต่อเนื่องคือการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แนวคิดของการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องเป็นพื้นฐานของการเติบโตในทุกสายอาชีพ

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำปราศรัยของจ่าสิบเอกในกองทัพกลายเป็นกระแสไวรัล โดยเริ่มจากวลีที่ว่า 'ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนโลก ให้เริ่มต้นด้วยการเก็บเตียงของคุณ' ผมเชื่อว่าคำพูดนี้สรุปแนวคิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดเตียงในตอนเช้าจะช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับช่วงเวลาที่เหลือของวัน ด้วยการทำสิ่งต่างๆ เล็กน้อย และแน่นอนว่าพฤติกรรมนี้สามารถนำไปสู่การเติบโตทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จได้

ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการที่คุณฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอ ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และแสวงหาโอกาสทางการศึกษาอย่างกระตือรือร้นเพื่อเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญของคุณ

แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยบ่มเพาะกรอบความคิดในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการปรับตัวอยู่เสมอ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญในสาขาอาชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

มันไม่เพียงทำให้คุณได้อัปเดตสิ่งใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้คุณเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมภายในทีมและองค์กรของคุณด้วย

การยอมรับที่จะปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะปูทางไปสู่เส้นทางอาชีพที่เจริญรุ่งเรืองในภาคส่วนเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความพยายามเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาชีพการงานหรือว่าชีวิตส่วนตัว เช่นเดียวกับการจัดเตียงในตอนเช้าจะเป็นการสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับวันนั้นของคุณ

ผมถูกเลี้ยงดูมาด้วยความเชื่อว่าหากคุณสะดุดล้ม คุณก็จะต้องลุกขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง เนื่องจากการพึ่งพาตนเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาทั้งส่วนบุคคลและทางด้านอาชีพ

ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาที่ผมได้พบปะและพูดคุยกับผู้คนใหม่ๆ ในหัวข้อที่หลากหลาย ผมก็มักมีเวลาไตร่ตรอง เข้าถึง insight ใหม่ๆ และตอนนี้ผมก็กำลังมุ่งความสนใจไปที่สิ่งใหม่ๆ อยู่

ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่แตกต่างจาก Giorgio เมื่อชั่วโมงที่แล้ว แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ผมก็มีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเติบโตด้วยตนเอง

แนวคิดก็คือคนที่มีลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้จะมีชีวิตอยู่ได้ง่ายขึ้น

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับชีวิต ผมก็เริ่มตระหนักถึงแนวคิดนี้มากขึ้น เนื่องจากแนวคิดนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกด้านของชีวิต รวมถึงในที่ทำงานด้วย เพื่อจัดการกับสิ่งนี้ ผมจึงจำเป็นที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน

"เราไม่สามารถรู้สิ่งที่เราไม่รู้ได้จนกว่าเราจะรู้"

ผมได้สร้างหลักการที่คอยชี้นำการพัฒนาตัวเองในสายงานของผมไว้หนึ่งข้อ โดยมีแนวคิดที่ว่าความไม่รู้สามารถพัฒนาได้ และคำถามสามารถค้นหาคำตอบได้ หลักการนี้มีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า Dunning-Kruger effect' และผมมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้

ผลของ Dunning-Kruger แสดงให้เห็นว่าเมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น ความมั่นใจก็มีแนวโน้มที่จะลดลง ในทางที่ขัดแย้งกัน บุคคลที่ยึดมั่นในความเชื่อของตนอย่างแรงกล้าและเพิกเฉยต่อมุมมองของคนอื่นๆ มักจะแสดงความมั่นใจที่ไม่สั่นคลอน

ผมมุ่งมั่นที่จะรวบรวมแนวคิดเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา นี่หมายถึงการตระหนักถึงขีดจำกัดของตัวเอง เคารพมุมมองที่หลากหลาย และยอมรับว่าไม่ว่าคุณจะมีการศึกษามากเพียงใด โอกาสที่จะผิดพลาดก็ยังมีอยู่เสมอ

เมื่อนึกถึงการเดินทางของตัวเองที่ผ่านมาแล้ว หากจะให้คำแนะนำแก่คนรุ่นหลังที่มีเส้นทางอาชีพเดียวกัน ผมคงจะให้คำแนะนำหลักๆ แก่พวกเขาสามข้อ เนื่องจากมีบางสิ่งที่ผมหวังว่าตัวเองควรที่จะเรียนรู้ได้เร็วกว่านี้

1. หนึ่ง ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างต่อเนื่องว่า 'อย่างไร' 'อะไร' และ 'ทำไม'
2. สอง การเข้าใจถึงความสำคัญของการตระหนักรู้ในตนเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และตระหนักว่าประสบการณ์ส่วนบุคคลของเรามีนัยสำคัญต่อวิธีที่เรามองโลกอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบการรับรู้ของเราได้
3. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ผมขอแนะนำว่าอย่าหยุดความพยายามที่จะสนุกกับสิ่งที่คุณทำอยู่ และทำเท่าที่คุณสามารถทำได้ สัมผัสทุกสิ่งเมื่อคุณมีโอกาส เพราะคุณไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ และเมื่อใดก็ตามที่คุณมีโอกาส ให้ก้าวออกจากเ comfort zone ของคุณและลองทำอะไรใหม่ๆ ถ้าคุณใช้ชีวิตแค่ช่วงกลางวัน คุณจะไม่มีทางรู้ว่ากลางคืนเป็นอย่างไร