ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้แอปฯ เป็นไปตามเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้ แต่ถึงอย่างนั้น แอปฯ ที่ดีและน่าสนใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ล้ำยุคเพียงอย่างเดียว แต่การทำให้ digital product อย่างแอปฯ ใช้งานได้สะดวกขึ้น พร้อมช่วยให้ผู้ใช้งานประทับใจกับฟีเจอร์และมีประสบการณ์ที่ราบรื่น จำเป็นต้องใช้หลายๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
เพื่อให้คุณผู้อ่านที่สนใจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัลโปรดักต์ หรือเป็น iOS developer มืออาชีพที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน บทความนี้จะพาคุณไปดูเทรนด์ใดบ้างที่มีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบ iOS ในปี 2023 นี้
หนึ่งในเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบ iOS ที่น่าสนใจในปี 2023 ก็คือการประยุกต์ใช้ Machine Learning และ AI ในการสร้างฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลในโลกความจริงได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วย Core ML ที่ทาง Apple ปล่อยออกมาให้เหล่า developer สามารถนำไปใช้วิเคราะห์รูปภาพพร้อมจัดหมวดหมู่รูปภาพโดยอัตโนมัติตามวัตถุ ข้อความ หรืออะไรที่อยู่ภายในนั้น และอีกมากมาย
Core ML framework เป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อ Machine Learning Model เข้ากับแอพที่ติดตั้งอยู่ภายในอุปกรณ์ของ Apple ซึ่งก็คือระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS และ tvOS ซึ่งนำไปใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งยังช่วยให้ iOS developer ใช้ Framework ดังกล่าวกับแอปฯ ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาได้ด้วย และทำให้เกิดฟังก์ชันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI สำหรับใครที่สงสัยว่ามีอะไรบ้างที่ระบบ machine learning ของ Core ML สามารถทำได้ ด้านล่างนี้คือคำตอบ
developer สามารถใช้ Core ML เพื่อรวมความสามารถในการวิเคราะห์รูปภาพเข้ากับแอปฯ เพื่อประมวลผลสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น แอปฯ กล้องสามารถจำแนกวัตถุ จุดสังเกต หรือตัวเลขที่เขียนด้วยลายมือได้แบบเรียลไทม์
เราสามารถใช้ Core ML สำหรับงานต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ความรู้สึก, การจัดหมวดหมู่ข้อความ, และการแปลภาษา สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับแชตบอท, แอปฯ เรียนรู้ภาษา และการวิเคราะห์คอมเมนต์ของบรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดีย เป็นต้น
เราสามารถพัฒนาอย่างเช่น การตรวจจับใบหน้า, การประเมินอายุ การแยกแยะเพศ และการอ่านสีหน้าและอารมณ์ในแอปฯ ถ่ายรูปหรือแอปฯ แก้ไขรูปภาพ ด้วยการใช้ Core ML Framework ของ Apple ร่วมกับ Model ที่ผ่านการ Train มาในเรื่องที่ต้องการได้ด้วย
การใช้ Core ML ร่วมกับ Vision Framework ของ Apple นั้น สามารถนำไปใช้พัฒนาแอพเพื่อระบุและติดตามวัตถุได้แบบเรียลไทม์ ทำให้มีประโยชน์สำหรับแอปฯ AR, ระบบความปลอดภัย และแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับการนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
iOS developer สามารถใช้ Core ML เพื่อแปลงข้อความที่เขียนด้วยลายมือของพวกเราทุกคนให้กลายเป็นตัวอักษรได้ และนั่นได้ทำให้แอปฯ จดบันทึกใช้งานได้ดีและมีความหลากหลายมากขึ้น
คราวนี้ developer สามารถพัฒนาแอปฯ ที่ถอดเสียงคำพูดแล้วแปลงคำพูดเหล่านั้นออกมาเป็นข้อความ หรือแม้แต่วิเคราะห์อารมณ์ที่เกิดขึ้นของภาษาที่ผู้ใช้พูดเข้ามาในแอปพลิเคชันได้แล้ว เช่น ผู้ช่วยที่สั่งการได้ด้วยเสียงหรือเครื่องมือช่วยการเข้าถึง
เทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ยั่งยืนหรือ sustainable development ไม่ใช่เพียงคำพูดสวยหรูที่พูดกันในงานสัมมนาวิชาการเพื่อรักษ์โลกเท่านั้น แต่ในฝั่งของการพัฒนาแอปฯ ios ได้มีแนวทางที่ช่วยให้โลกนี้สดใสขึ้นด้วยแนวคิดลดการใช้พลังงาน ลดขนาดของแอปฯ อย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งแน่นอนว่าในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา digital product ขึ้นมาใหม่ ทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เป็นคนตัดสินใจทิศทางและเป้าหมายของโปรเจกต์ จะต้องร่วมมือกับ developer เพื่อค้นหาหนทางที่จะออกแบบและเขียนโค้ดที่สามารถนำไปใช้งานกับการพัฒนาในขั้นตอนต่อๆ ไปได้ รวมถึงยังต้องสามารถที่จะปรับปรุงและดูแลโค้ดในอนาคตหากมีปัญหาหรือถึงเวลาที่จะอัปเดตระบบได้ง่ายอีกด้วย และต่อจากนี้คือตัวอย่างแนวคิดการพัฒนาแอปพลิเคชันที่แคร์โลกและแคร์ผู้ใช้อย่างแท้จริง
เริ่มต้นกันด้วยพัฒนาแอปฯ แบบ sustainable development ที่ออกแบบมาให้อุปกรณ์อย่างมือถือหรือแท็บเล็ตสามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์เหล่านั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ทำได้ก็คือการปรับโค้ดให้เหมาะสม, ลดกระบวนการต่างๆ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปรับแต่งระบบให้ใช้หน่วยประมวลผลรวมถึงหน่วยความจำเท่าที่จำเป็น และใช้อัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม
หาก iOS developer สามารถลดปริมาณข้อมูลที่อุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น มือถือหรือแท็บเล็ต ส่งและรับผ่านเครือข่ายมือถือโดยใช้การบีบอัดข้อมูล, การแคช และลดคำขอข้อมูลที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้เรียกดูข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างมือถือและเซิร์ฟเวอร์ของแอปฯ ได้อีกด้วย
นอกจากคุณจะโฟกัสไปที่การปรับปรุงในส่วนของแอปฯ ที่คุณพัฒนาขึ้นมาใหม่ได้แล้ว คุณยังสามารถปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ให้ตอบโจทย์ในเรื่องการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ sustainable development ได้ด้วยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ data center ให้มีการใช้พลังงานที่ลดลงได้อีกทางหนึ่ง
การพัฒนาแอปฯ แบบยั่งยืนที่เราได้พูดมานั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่เรื่องการเขียนโค้ดที่ช่วยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับเรื่องที่คุณผู้มีส่วนในการสร้างสรรค์ digital product ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงแอปฯ ของคุณ รวมถึงผู้ที่มีความพิการในแบบต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคมและการไม่แบ่งแยกระหว่างกัน
Voice User Interface (VUI) การพัฒนาแอปพลิเคชันพร้อมฟีเจอร์การสั่งสิ่งต่างๆ ด้วยเสียง
ภายในปี 2023 นี้และอนาคตอันใกล้ เทรนด์ของ Voice User Interface (VUI) หรือคำสั่งเสียง จะมีการนำมาใช้งานในแอปฯ ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ผู้ใช้งานที่มีความพิการในการมองเห็นเท่านั้น เพราะผู้ใช้ทั่วไปก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ฟีเจอร์คำสั่งเสียง และจากข้อมูลก็พบว่าจำนวนผู้ใช้คำสั่งเสียงมีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย และนี่คือเหตุผลมากมายว่าทำไม iOS developer ถึงควรที่พิจารณา VUI ในโปรเจกต์การพัฒนาแอปพลิเคชันครั้งถัดไป
VUI เปิดโอกาสให้ผู้ใช้แอปฯ สามารถสั่งการสิ่งต่างๆ ได้โดยตรงผ่านการพูดได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติมากกว่าระบบรุ่นก่อนหน้า ทั้งยังช่วยลดเวลาที่ผู้ใช้โต้ตอบกับแอปฯ และไม่ต้องเข้าไปที่เมนูที่อยู่ลึกในเมนูต่างๆ หรือพิมพ์ข้อความหาอะไรให้ยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องโฟกัสอยู่กับการทำอะไรบางอย่างเช่น การขับรถ แต่ผู้ใช้แค่พูดคำสั่งหรือสิ่งที่ต้องการได้ทันที สิ่งนี้ช่วยมอบประสบการณ์ในการใช้งานแอปฯ ที่ราบรื่นและสะดวกกับผู้ใช้มากขึ้น
การเพิ่มฟีเจอร์ VUI จะทำให้ผู้ทุพพลภาพ เช่น ผู้ที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหวหรือการมองเห็นที่จำกัดสามารถเข้าถึงแอปฯ ของคุณเข้าถึงได้มากขึ้น ด้วยรูปแบบของคำสั่งเสียงที่ช่วยให้ผู้ใช้กลุ่มนี้สามารถใช้งานและโต้ตอบกับแอปฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่แพ้ผู้ใช้ที่เป็นบุคคลทั่วไป
ไม่เพียงแค่ VUI จะช่วยให้ผู้ทุพพลภาพใช้งานแอปฯ ได้สะดวกเท่านั้น แต่การมีฟีเจอร์สั่งการด้วยเสียงนี้อยู่ในแอปฯ ยังเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น โดยพวกเขาจะสามารถเลือกวิธีการโต้ตอบกับแอปฯ ที่ตนเองรู้สึกว่าสะดวกและใช้งานง่าย ไม่ใช่ว่าจะต้องมานั่งพิมพ์ประโยคยาวๆ หรือค้นหาคำที่สะกดยากเหมือนเดิมอีกต่อไป เพียงแค่พูดออกมาว่าต้องการอะไรก็เท่านั้นเอง สิ่งนี้อาจช่วยให้ digital product อย่างแอปฯ iOS ของคุณมีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่สนใจอยากจะลองมาใช้มากขึ้นก็ได้
ด้วยปริมาณแอปฯ ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลในปัจจุบัน ผู้ใช้มากมายจึงเริ่มเบื่อหน่ายกับการติดตั้งแอปฯ เพื่อการใช้งานในหลากหลายวัตถุประสงค์ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม Super App ถึงได้กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของการพัฒนาแอปพลิเคชันประจำปี 2023 และอนาคต ดูได้จาก แอปฯ อย่าง Robinhood, Air Asia , Shopee, และ Grab ที่ผันตัวมาเป็น Super App กันทั้งนั้น
Super App นั้นเป็นแอปพลิเคชันแบบครบวงจรที่รวมบริการและคุณสมบัติหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว มีสาเหตุเยอะมากที่ทำให้ Super App กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่
Super App มีเป้าหมายหลักที่จะมอบโซลูชันแบบครบวงจรให้กับผู้ใช้ที่มีความต้องการที่หลากหลายในแต่ละวัน ตั้งแต่การชำระเงินผ่านกระเป๋าดิจิทัล, ซื้อของออนไลน์, สั่งอาหาร, เดินทางไปไหนมาไหน, และบริการทางการเงินในยามฉุกเฉิน ความสะดวกสบายที่อัดแน่นมาในแอปฯ เดียวแบบนี้สามารถดึงดูดและช่วยให้ผู้ใช้ที่ชื่นชอบการมีทุกสิ่งที่ต้องการในแอปฯ เดียวเลือกใช้ Super App อย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวันของพวกเขา
มีใครบ้างที่จะไม่ชอบหน้าจอของมือถือตัวเองที่เรียบง่ายไม่ยุ่งเหยิงไปด้วยแอปฯ จำนวนมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Super App ถึงเข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้งานในยุคนี้ที่ทุกวันต้องเจอกับแอปฯ จำนวนมากเต็มไปหมด ขณะเดียวกัน การที่แอปฯ แต่ทำได้หลายอย่างยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องดาวน์โหลดหลายๆ แอปฯ ให้เปลืองหน่วยความจำของเครื่อง ซึ่งจุดนี้เองเหมาะมากกับคนที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นเก่าที่มีพื้นที่ติดตั้งแอปฯ น้อยกว่ามือถือรุ่นใหม่ๆ อย่าง iPhone15 หรือ iPhone 15 Pro Max ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB
ในเมื่อทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการมาอยู่ภายในแอปฯ เดียว ผู้ใช้ก็จะชื่นชอบและเลือกที่จะใช้ Super App ต่อไปเรื่อยๆ เพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่ต้องออกไปใช้แอปฯ อื่นที่อาจทำในสิ่งที่ต้องการได้เพียงหนึ่งถึงสองอย่างอีกต่อไป และนั่นยังเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้เป็นเจ้าของแอปฯ จะทดลองเพิ่มฟีเจอร์หรือทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้เพื่อดูว่าพวกเขาชอบหรือไม่ได้อีกด้วย
จากฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีอยู่ใน Super App นั่นหมายถึงโอกาสที่ผู้เป็นเจ้าของแอปฯ จะได้รับ insight จากผู้ใช้เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาฟีเจอร์ทั้งในปัจจุบันรวมถึงที่จะออกมาในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมการตลาดดิจิทัลมีข้อมูลที่จำเป็นในการสร้างแคมเปญการตลาดที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ แล้วแบบนี้เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัว
ในที่สุดก็มาถึงเทรนด์สุดท้ายที่ใครก็ตามที่สนใจจะสร้าง digital product ในรูปแบบแอปฯ ควรนึกถึง อย่าง App Clip ที่เป็นเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบ ios ที่น่าจับตามองในปี 2023 ไม่แพ้ประเด็นอื่นๆ สืบเนื่องจากพฤติกรรมของผู้ใช้ในยุคปัจจุบันที่ไม่ชอบลงแอปฯ บนมือถือของพวกเขาอีกต่อไป จึงทำให้การทดลองใช้แอปฯ ได้ก่อนจะโหลดลงเครื่องเป็นอะไรที่แก้ pain point ของผู้ใช้งานได้ดีมากๆ
เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นหนึ่งคนในทีมที่กำลังพัฒนาแอปพลิเคชัน ก็อย่าลืมเพิ่ม App Clip เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแอปฯ ของคุณด้วยจะดีมากๆ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของคุณจะได้ลองเล่นฟีเจอร์เด่นๆ ที่คุณเลือกไปยั่วยวนให้พวกเขาลองใช้ใน App Clips ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องโหลดให้ยุ่งยาก ไม่เพียงเท่านี้ คุณยังสามารถแปลงการเข้าถึงหรือลองใช้ให้เป็นรูปแบบของ QR code, แท็ก NFC, Place Card ใน Apple Map, ข้อความใน Messages, และในเว็บเบราว์เซอร์อย่าง Safari ได้อีกด้วย
นับตั้งแต่ machine learning กับ AI, sustainable development, voice user interface, Super Apps และ App Clip เหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS ที่ควรค่าแก่การพิจารณานำไปประยุกต์ใช้กับแอปฯ ของคุณ แต่จะดีกว่าไหมหากคุณได้พูดคุยและให้ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเรื่องการพัฒนา digital product อย่าง Seven Peaks เป็นผู้ช่วยเหลือคุณในการสร้างสรรค์และทำให้ฝันในการสร้างแอปฯ iOS ที่ผู้ใช้งานของคุณจะชื่นชอบและกลับมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง ปรึกษาเราตอนนี้